การขนส่งทางอาการ (Air Cargo) นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โดยวิศวกรการบิน (flight engineer) และเจ้าหน้าที่ภาคพื้น (ground staff) จะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในทุกๆ วันในการวางแผนรับมือกับหลายๆ ตัวแปรที่จะไปในวัสดุจัดส่ง (shipping material) จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการใช้แรงงานอย่างมากและน่าเบื่อ และความผิดพลาดครั้งหนึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างมีนัยสำคัญสำหรับสายการบินและการเดินทางในอากาศได้ ดังนั้น เพื่อที่จะยกกระบวนการอันหนักหน่วงนี้ออกไป สถาบันวิจัยในสิงคโปร์จึงได้พัฒนาระบบ prototype ตัวแรกของโลกที่ใช้ระบบหุ่นยนต์ที่มี AI สำหรับการขนส่งทางอากาศขึ้นมา
“เป้าหมายของพวกเราคือการทำให้มัน automate ในการจัดการการขนส่งในทุกๆ ขนาด นำหนัก หรือวัตถุที่แตกต่างกันไป โดยใช้ฮาร์ดแวร์ที่เป็น cutting-edge และซอฟต์แวร์ที่ชาญฉลาด” ดร.Suraj Nair ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีม SPEEDCARGO กล่าว “ความหวังคือระบบนี้จะช่วยเร่งให้มี productivity quality และ security ในการทำ air cargo ได้มากขึ้น”
โดยทีมกลุ่มวิจัยได้สร้างซอฟต์แวร์ของพวกเขาที่มีชื่อว่า CARGO MIND ซึ่งซอฟต์แวร์จะสร้างองค์ประกอบการบรรจุที่ดีที่สุด (optimal packing configuration) สำหรับการขนส่ง และเพิ่มผลผลิตให้ได้สูงที่สุด (maximizing yield) ในขณะที่ยังคงยึดมั่นในกฎระเบียบความปลอดภัยทางอากาศอยู่ โดยมันยังสามารถที่จะดำเนินการวางแผนย้อนกลับได้ว่าถ้าหากพาเลท (pallet) จะต้องแยกจัดส่งเป็นส่วนๆ (partial) นอกจากนี้ มันจะรับผิดชอบในการสร้างโครงสร้างของพาเลทและวางแผนวิถีเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์ต่างๆ ซึ่งจะต้องไม่เกิดการชนกันเกิดขึ้น
โดยหุ่นยนต์และกล้องสามมิตินั้นจะถูกติดตั้งพร้อมกับ NVIDIA Jetson TX2 GPU หลายตัว และซอฟต์แวร์ภายในคอมพิวเตอร์นั้นจะติดตั้ง NVIDIA GeForce GTX 1080 Ti GPU เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
“การทำงานร่วมกับโครงสร้างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ API ของ NVIDIA นั้นเป็นแรงขับเคลื่อนไปข้างหน้าในการทำให้เทคโนโลยีของ SPEEDCARGO นั้นสามารถนำมาใช้งานในสถานการณ์จริงได้ ด้วยฮาร์ดแวร์ GPU ของ NVIDIA และ CUDA พวกเราจึงสามารถดำเนินการได้ด้วยประสิทธิภาพ real time แม้ว่าจะมีความท้าทายทั้งเรื่องการจัดการภาพรวมขนาดใหญ่และการวางแผน” คุณ Nair กล่าว “ค่าใช้จ่ายของฮาร์ดแวร์ที่เข้าถึงได้นั้นทำให้เราสามารถขยายสเกลให้กว้างขึ้นได้”
ถึงแม้ว่าระบบจะอยู่ในรูปแบบ prototype เท่านั้น แต่ทางกลุ่มทีมงานหวังว่าจะสามารถสร้างระบบเริ่มใช้งานจริงครั้งแรกภายในเดือนธันวาคมปี 2562 ที่ Singapore Changi Airfreight Terminal ได้