ธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีความตื่นตัวเป็นอย่างมากในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและคลาวด์มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจอะไรนักหากผู้ให้บริการหลายรายจะเริ่มปรับโมเดลธุรกิจเพื่อดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มนี้กันมากขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือ Salesforce ที่เพิ่งเปิดตัว Business Unit ใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ Cloud ของกลุ่ม Manufacturing และ Consumer Goods โดยเฉพาะ
Manufacturing Cloud and Consumer Goods Clouds นั้นเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มใหม่ของ Salesforce ซึ่งเกิดขึ้นจากไอเดียที่ว่า CRM สำหรับลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นก็ย่อมมีรายละเอียดที่แตกต่างและความต้องการที่เฉพาะเจาะจง
ในกรณีของการผลิต อุตสาหกรรมนี้นั้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้แรงงานคนมาก และความเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้บริโภคสามารถส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้ที่ทำงานอยู่ในไลน์ผลิตได้โดยตรง ดังนั้นธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องการเครื่องมือที่จะสร้างความเข้าใจอันดีทั่วกันทั้งองค์กร และ Manufacturing Cloud ของ Salesforce ก็จะเข้ามาเชื่อมต่อระหว่างฝ่ายขายและฝ่าย Operation ช่วยให้เกิด Transparency ในขั้นตอนการทำงานและช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล
ใน Manufacturing Cloud นี้ Salesforce จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ เช่นเทคโนโลยีที่จะเชื่อมต่อกับ ERP หลักขององค์กร และนำข้อมูลทั้งหมดมาใช้ทำนายความต้องการของลูกค้าและตลาดแบบ Predictive รวมไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลที่ลึกซึ้งขึ้นด้วย Einstein Analytics
ส่วน Consumer Goods นั้นก็เช่นกันที่เป็นอุตสาหกรรมใช้แรงงานคนมาก และธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงใช้ระบบ Legacy และมีการค้าขายผ่านร้านค้าออฟไลน์ ซึ่ง Salesforce กล่าวว่าการจัดการการกระจายสินค้าและจัดจำหน่ายยังคงเป็นความท้าทายของธุรกิจ Consumer Good และหากไม่มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ธุรกิจก็จะพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
Consumer Goods Cloud จะครอบคลุมขั้นตอนงานเช่น การติดต่อร้านค้า การบริหารความสัมพันธ์กับร้านค้าปลีก วิเคราะห์ข้อมูลและ Optimize การทำงานด้วย Einstein Insights เป็นต้น
โดยเทคโนโลยีที่ Salesforce นำมาให้บริการในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์เดิมที่โฟกัสในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่ได้รับมาจากการเข้าซื้อธุรกิจอื่น เช่น Steelbrick เจ้าของโซลูชันจัดการขั้นตอน Quote to Cash ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับธุรกิจการผลิต
Sales Cloud นั้นทำรายได้ให้กับ Salesforce ได้มากกว่า 25% ของรายได้รวมในไตรมาสที่ผ่านมา และจากแนวโน้มในปัจจุบันที่งานขายนั้นมีความซับซ้อนเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเรื่อยๆ เราอาจได้เห็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะอุตสาหกรรม (Vertical-specific) เช่นนี้กันมากขึ้นในอนาคต