
นักวิจัย AI จาก Facebook (FAIR) ร่วมกับแผนกรังสีวิทยาจาก NYU Langone Health พัฒนาซอฟต์แวร์ที่คาดการณ์แนวโน้มของผู้ป่วย COVID-19 ว่ามีอาการทรุดลงหรือไม่หรือต้องการออกซิเจน โดยอิงจากผลเอกซเรย์ของผู้ป่วย
ทีมนักวิจัยระบุว่า ซอฟต์แวร์ดังกล่าวอาจช่วยแพทย์มิให้ส่งผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงกลับบ้านก่อนเวลาอันควร อีกทั้งยังช่วยให้โรงพยาบาลจัดการวางแผนรองรับความต้องการใช้ออกซิเจนเพิ่มเติมได้ด้วย
นักวิจัยทั้ง 10 ราย จาก Facebook AI Research 5 คน และจาก The NYU School of Medicine 5 คน เผยว่า พวกเขาได้พัฒนาโมเดลระบบเรียนรู้สามแบบที่มีความแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย โมเดลแรกคาดการณ์แนวโน้มอาการทรุดตัวจากผลเอกซเรย์ปอดชุดเดียว โมเดลที่สองดูจากชุดข้อมูลเอกซเรย์ต่อเนื่อง และโมเดลที่สามใช้ผลเอกซเรย์ชุดเดียวในการคาดการณ์ว่าต้องเตรียมออกซิเจนที่ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องใช้อีกเท่าไร ทั้งนี้ โมเดลที่พัฒนาขึ้นสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าถึง 4 วันหากผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งการคาดการณ์โดย AI นั้นมักทำได้เหนือกว่าการคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ

ในการฝึกระบบคาดการณ์นั้น ระบบ AI ได้รับการป้อนข้อมูลสองชุดจากผลเอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดเชื้อ COVID-19 และชุดข้อมูลผลเอกซเรย์ 26,838 ภาพ จากผู้ป่วย COVID 4,914 ราย นักวิจัยใช้เทคนิค AI ที่เรียกว่า “momentum contrast” ในการฝึกโครงข่ายประสาทเทียมให้ดึงข้อมูลจากภาพเอกซเรย์ปอด โดยได้รับแนวทางฝึกมาจากสมองมนุษย์ที่สามารถระบุรูปแบบและรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลปริมาณมหาศาลได้

ทีมวิจัยชี้ว่า โมเดลนี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นอีกผลงานวิจัยที่ต้องการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการวางแผนทรัพยากรสำหรับรักษาผู้ป่วย แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีชุดข้อมูลของตนอยู่แล้ว ก็สามารถนำโมเดลนี้ไปใช้ได้โดยไม่ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น ทางผู้วิจัยก็ได้เปิดโมเดลนี้เป็น open-source เพื่อให้โรงพยาบาลที่มีทรัพยากรจำกัดนำไปปรับใช้กับชุดข้อมูลของโรงพยาบาลเองได้