ตามไปดูโกดัง Amazon ภายในทำงานอย่างไร ใช้เทคโนโลยีอะไรจึงส่งของเร็ว

0

Amazon.com นั้นนับเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำของโลกซึ่งขึ้นชื่อเรื่องระบบการจัดการและจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว โดยในบทความนี้เราจะไปดูกันว่า เบื้องหลังการจัดการโกดังสินค้าของ Amazon นั้นเป็นอย่างไร และใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง

สินค้าจากผู้ขายจะถูกส่งมาโดยรถบรรทุกขนส่งทุกวันตามตารางนัดหมาย เมื่อสินค้าเข้ามาส่ง พนักงานจะทำการคัดแยกสินค้าเหล่านี้ไปจัดเก็บเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและส่งต่อไปยังมือของลูกค้า โดยหลังจากพนักงานพนักงานล็อคอินเริ่มทำงาน หุ่นยนต์ภายในโกดังก็จะเข็นชั้นวางจัดเก็บสินค้ามายัง Workstation ของพนักงาน

ทุกครั้งที่พนักงานจัดเก็บของ พวกเขาจะต้องสแกนบาร์โค้ดเพื่อระบุตัวตนของสินค้านั้นๆลงไปในระบบ ประวัติการจัดเก็บของภายในโกดังจะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลแบบกราฟในบริการ Amazon Neptune ของ AWS

ขั้นตอนการจัดวางของบนชั้นนั้นจะเป็นการจัดวางแบบสุ่มซึ่ง Amazon พบว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากสุด โดยเมื่อสแกนบาร์โค้ดเป็นที่เรียบร้อย ระบบ AI และ Computer Vision ก็จะคำนวณว่าช่องวางของใดเต็มแล้ว และส่งสัญญาณไฟสีบานเย็นออกมาเตือนพนักงานไม่ให้วางของลงไปเพิ่มอีก จากนั้นในขณะที่พนักงานนำสินค้าวางลงบนชั้น ระบบ Computer Vision ก็จะทำการสแกนเพื่อบันทึกลงระบบว่าของนั้นถูกวางในตำแหน่งไหน รวมไปถึงนับจำนวนของด้วยว่ามีทั้งหมดกี่ชิ้น

สัญญาณไฟสีบานเย็นที่ระบุช่องเก็บของที่เต็มแล้ว (Photo: Amazon)

AI ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานนี้คือ AI จากบริการ Amazon Sagemaker ซึ่งมีกลไกในการเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ในกรณีที่ AI ไม่แน่ใจว่าของชิ้นนั้นคืออะไร หรือมีกี่ชิ้น ก็สามารถส่งภาพต่อไปยังพนักงานให้ช่วยระบุให้ และนำข้อมูลนั้นไปพัฒนาตัวเอง

ข้อมูลของสินค้าในคลังทั้งหมดจะถูกเก็บในฐานข้อมูล Amazon Aurora และเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนทั้งตำแหน่ง และจำนวนแล้ว สินค้านั้นๆก็จะพร้อมให้จำหน่ายแก่ผู้ใช้งาน Amazon ทันที

หุ่นยนต์อัตโนมัติทำหน้าที่รับส่งชั้นวางของในโกดัง

ชั้นวางของภายในโกดังหรือ Fulfilment Center ของ Amazon แล้วโดยทั่วไปกินพื้นที่ราว 65% ของสถานที่ โดยชั้นวางของเหล่านี้สามารถถูกเคลื่อนย้ายไปหาพนักงานเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการได้ด้วยความสามารถของหุ่นยนต์อัตโนมัติซึ่งเคลื่อนที่ด้วยการอ่านบาร์โค้ดที่ติดอยู่บนพื้น และควบคุมตรวจสอบได้ผ่านระบบควบคุมกลาง

ชั้นเก็บของภายในโกดัง และหุ่นยนต์(สีส้ม)ที่คอยขนส่งชั้นวางของไปยัง Workstation (Photo: Amazon)

เมื่อมีคำสั่งซื้อสินค้า ระบบก็จะสั่งการให้หุ่นยนต์เหล่านี้นำชั้นวางของที่มีสินค้าที่ถูกสั่งไปยัง Workstation ของพนักงาน ที่พนักงานจะสามารถหยิบสินค้าตามคำสั่งซื้อที่จะระบุอยู่ในหน้าจอประจำ Workstation ซึ่งในการหยิบ ระบบ Computer Vision ก็จะช่วยส่องไฟไปยังตำแหน่งที่สินค้าถูกจัดวางอยู่ และเมื่อจัดวางบนถาดเรียบร้อยแล้ว สินค้าก็จะถูกลำเลียงไปบรรจุหีบห่อต่อไป

สัญญาณไฟสีขาวระบุตำแหน่งที่สินค้าถูกจัดเก็บไว้ (Photo: Amazon)
แม้แต่กล่องก็คำนวณโดย AI

ในการบรรจุใส่กล่องหรือซอง ระบบ Machine Learning จะคำนวณขนาดของกล่องและความยาวของเทปปิดกล่องที่เหมาะสมให้โดยอัตโนมัติ

และหากสินค้าที่ลูกค้าสั่งนั้นอยู่ในโกดังที่อยู่ห่างออกจากกัน Machine Learning ก็จะวิเคราะห์เส้นทางว่าการส่งของมารวมยังโกดังเดียวกัน หรือแยกกันส่งไปยังบ้านของลูกค้า แบบใดจะทำให้ Amazon สามารถส่งของได้ภายในเวลาที่คาดการณ์ในเว็บไซต์ และในขณะเดียวกันก็ประหยัดค่าขนส่ง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด โดยก็เป็นเทคโนโลยี Machine Learning อีกเช่นกันที่จะช่วยคำนวณว่าควรขนส่งผ่านการขนส่งรูปแบบใด

ขั้นตอนสุดท้ายของการบรรจุภัณฑ์คือการแปะสติกเกอร์ที่อยู่ลูกค้า ซึ่งระบบจะทำการสแกนบาร์โค้ดข้างกล่อง และปรินท์ที่อยู่จากฐานข้อมูลออกมาแปะลงบนกล่องทันที

สายพานเพื่อสแกนบาร์โค้ดและปรินท์ที่อยู่จัดส่งอย่างรวดเร็ว (Photo: Amazon)

ระบบสายพานและเครื่องจักรต่างๆภายใน Fulfilment Center ของ Amazon นั้นเชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยี IoT ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะการทำงาน และรับรู้ถึงความผิดปกติและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีอยู่เสมอ

และนี่คือความเป็นไปของหนึ่งในโกดังสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีมากที่สุดในโลก จะเห็นได้ว่า Amazon นั้นนำเทคโนโลยีบนคลาวด์ AWS ของตนมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบเลยทีเดียว

รับชมคลิปวิดีโอการทำงานภายใน Fulfilment Center จาก Amazon ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=8nKPC-WmLjU