ครั้งแรกของการจัดประชุมสัมมนากลุ่มนักพัฒนาในรูปแบบออนไลน์โดย Samsung ภายใต้ชื่องาน Samsung Developer Conference 2021 (SDC21) ซึ่งเปิดโอกาสให้ นักพัฒนา และพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ รวมถึงบุคคลทั่วไป ได้เป็นส่วนหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวชุดโปรแกรมด้านการให้บริการและโซลูชันด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทาง แนวทางการออกแบบ และประสบการณ์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อ ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันได้อย่างง่ายดาย
ภายในงาน Samsung ได้เน้นย้ำแนวคิดด้านการให้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ รวมถึงแสดงความก้าวล้ำของ AI, IoT และเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย พร้อมไปกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Samsung ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน พร้อมปลดล็อกความเป็นไปได้ของยุคแห่งการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกัน ในอนาคต
นายดีเจ โกห์ ประธานและซีอีโอของกลุ่มธุรกิจไอที และโมบาย คอมมิวนิเคชัน บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับกลุ่มชุมชนนักพัฒนา เพราะเราเชื่อว่าเมื่อสังคมเรามีการเชื่อมต่อกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นผ่านการใช้ดีไวซ์ใหม่ๆ เรายิ่งต้องการที่จะทำให้เครื่องมือเหล่านั้นช่วยให้ชีวิตของผู้คนง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดก็ตาม”
แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อ
แพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยใน AI, IoT และระบบความปลอดภัย จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้แก่ผู้บริโภค พร้อมเพิ่มขีดความสามารถของเหล่านักพัฒนาในการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันใหม่ๆ โดย Samsung ได้นำเสนอรายละเอียดแผนการที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มหลัก อย่าง Bixby, SmartThings และ Samsung Knox
ในระหว่างการประชุม Samsung ยังได้เผยถึงแผนการพัฒนา Bixby ซึ่งจะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ใช้งาน Samsung Devices กว่า 300 ล้านเครื่อง โดยในปัจจุบัน Bixby ได้ใช้การประมวลผล AI ผ่านเครื่องได้โดยตรง (On-device AI) และระบบโครงข่าย Deep Neutral Network ในการประมวลผลคำสั่งภายในอุปกรณ์ด้วยตนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำงานที่เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 35%
สำหรับนักพัฒนา Samsung ได้ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม Bixby Home ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลเยอร์อัจฉริยะระหว่างการประมวลผลภาษาของ Bixby กับ SmartThings ซึ่งด้วยแพลตฟอร์มนี้จะทำให้การสั่งงานด้วยเสียงเป็นไปอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นอีกด้วย
Samsung ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SmartThings รวมถึงวิธีการที่จะผสานแพลตฟอร์มนี้เข้ากับ Matter ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) ที่จะมาแก้ปัญหาด้านการทำงานร่วมกันให้กับเหล่านักพัฒนา ซึ่งด้วยจำนวนพันธมิตรที่มีอยู่อย่างมากมายในปัจจุบัน ยิ่งจะทำให้การเชื่อมต่อของบ้านอัจฉริยะเป็นไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยซอฟต์แวร์ SmartThings Hub จะได้รับการติดตั้งลงในผลิตภัณฑ์ของ Samsung รวมถึง Samsung Smart TV และตู้เย็น Family Hub เช่นกัน
Samsung เชื่อว่าข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคเป็นเรื่องสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ซัมซุงจึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานอันราบรื่น และมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอนให้แก่ทุกคน โดย Samsung Knox ถือเป็นแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งใน Samsung Devices กว่า 100 ล้านเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการปกป้องข้อมูลขึ้นอีกขั้น Samsung จึงได้เพิ่ม Samsung Knox Vault ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ด้านความปลอดภัย (โปรเซสเซอร์ใหม่ที่มีหน่วยความจำแยกออกมาต่างหาก) และซอฟต์แวร์แบบบูรณาการเพื่อปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัยจากระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และแอปพลิเคชันต่างๆ โดยภายในงาน SDC21 นั้น Samsung ยังเน้นย้ำด้านความสำคัญของการทำงานร่วมกันและปรัชญาของนวัตกรรมแบบเปิด (Open innovation) เพื่อพัฒนาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว พร้อมส่งต่อเครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยสำหรับเป็นโครงการโอเพนซอร์ซ (Open source project) ต่อไป
นอกจากนี้ Samsung ยังได้สรุปหลักการด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy Principles) ภายในงาน SDC21 อีกด้วย โดยใจความสำคัญกล่าวถึงความมุ่งมั่นสามประการที่เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทั้งหมดของ Samsung ได้แก่ การป้องกัน (Protection) การนำเสนอทางเลือก (Choice) และความโปร่งใส (Transparency) ซึ่งด้วยหลักการเหล่านี้ ผู้บริโภค นักพัฒนา และพันธมิตร จะได้ทราบข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตัดสินใจด้านการจัดการข้อมูล โดยซัมซุงได้นำเสนอตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนกาแลคซี่ดีไวซ์และสมาร์ททีวีได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งซัมซุงยังได้เปิดเผยนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทผ่าน Privacy Portal อีกด้วย ซึ่งในอนาคต Samsung วางแผนที่จะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยระดับโลก รวมถึงเปิดตัวเครื่องมือวิเคราะห์ความปลอดภัยแบบโอเพนซอร์ซ เพื่อทำให้ระบบนิเวศของ Samsung มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ยกระดับ Samsung Smart TV ด้วยระบบปฏิบัติการ Tizen
จากวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘Screens Everywhere, Screen for All’ ทำให้ Samsung ยังคงครองความเป็นผู้นำระดับโลกด้านทีวี ที่ไม่เคยหยุดมอบประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ ทั้งในรูปแบบการเชื่อมต่อ ฟังก์ชันการทำงาน และความบันเทิงอันสมจริง โดยในงาน SDC21 นั้น Samsung ได้แนะนำวิธีการต่างๆ ที่ Samsung TV สามารถมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับทุกคน ได้แก่
- การสื่อสารผ่านวิดีโอ (Video communication) จากความร่วมมือกับ Google เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับการวิดีโอคอลผ่านทางทีวีได้ดีขึ้น ด้วยการใช้ AI-enabled focus และฟีเจอร์ Zoom
- Samsung Health บนสมาร์ททีวีที่ทำงานเชื่อมต่อกับกล้องเว็บแคม (Webcam) เพื่อวิเคราะห์ท่าทางการเคลื่อนไหว และให้คำแนะนำด้านการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์
- การเล่นเกมได้อย่างสมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วย HDR10+ ที่มาพร้อมกับการตั้งค่าแบบ low latency และการปรับเทียบ HDR (HDR calibration)
สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร Samsung วางแผนที่จะเปิดตัว Tizen for Business ซึ่งเป็นบริการที่รองรับการใช้งานในรูปแบบกระดานข่าวอิเลคโทรนิคส์ (e-board) แบบอินเตอร์แอคทีฟในโรงเรียน ซุ้มร้านค้าในห้างสรรพสินค้า และป้ายดิสเพลย์ในร้านอาหาร สนามบิน และรถไฟใต้ดิน ซึ่งด้วยการจัดการพอร์ทัลใหม่นี้ ธุรกิจต่างๆ จะสามารถตรวจสอบและควบคุมหน้าจอ จากระยะไกลได้แบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งตั้งค่าการใช้งานของดีไวซ์หลายเครื่องพร้อมกันได้ภายในคลิกเดียว
นอกจากนี้ ด้วย Tizen TV Platform Licensing ผู้ผลิตที่ต้องการเข้าถึงแพลตฟอร์มทีวีระดับพรีเมียมอย่าง Tizen จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ซึ่งจะให้พวกเขาสามารถใช้ Tizen TV ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของพวกเขาในตลาดสมาร์ททีวี และช่วยให้ผู้บริโภคเพลิดเพลินกับการใช้งานระบบปฏิบัติการ Tizen มากขึ้น
หลากหลายนวัตกรรมบนกาแลคซี่อีโคซิสเต็ม
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Samsung ได้ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ใช้ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีผ่านดีไวซ์ต่างๆ ซึ่งจากการขยายประเภทของผลิตภัณฑ์และการนำเสนอฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ๆ ทำให้เหล่านักพัฒนาได้มีโอกาสในสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
ในงาน SDC21 Samsung ได้แนะนำ One UI 4 เวอร์ชั่นล่าสุดที่ทำให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าปรับแต่งเพื่อแสดงความเป็นตัวตนของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังเพิ่มเติมเรื่องความเป็นส่วนตัวและระบบความปลอดภัยชั้นนำเข้ากับการตั้งค่าการอนุญาตต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้เสมอเมื่อใช้งาน Samsung Device
Samsung ยังได้สาธิต One UI 4 เมื่อใช้งานร่วมกับ Galaxy Z Fold3 และ Galaxy Z Flip3 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ อาทิ Flex Mode และ Multi-Active Window ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีในฟอร์มแฟกเตอร์หน้าจอพับได้เท่านั้น นอกจากนี้ ในงาน SDC21 ยังมีเซสชั่นเกี่ยวกับ Galaxy Watch ที่จัดแสดงเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันใหม่บน Watch app ecosystem ได้อีกด้วย
Samsung เชิญชวนเหล่านักพัฒนาและพันธมิตรมาร่วมเดินทางไปพร้อมกันสู่เป้าหมายของการมอบประสบการณ์ใหม่และความปลอดภัยอันดีเยี่ยมมาสู่ผู้ใช้งาน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Samsung Developer Conference 2021 สามารถติดตามได้ที่ developer.samsung.com