“ที่ใดมีควัน ที่นั่นมีไฟ” แม้แต่รถยนต์ EV เองก็ไม่เว้นที่สามารถเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน แต่ทว่าล่าสุดนี้มีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่ายานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปนั้นมีโอกาสที่จะเกิดไฟไหม้ได้มากกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ EV
แม้ว่าการใช้งานรถยนต์ EV จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องทั่วโลก แต่ความจริงก็คือตอนนี้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปก็ยังมีอยู่จำนวนมากอยู่ดี รวมทั้งยังมีกระแสอยู่เช่นกันที่พยายามโต้แย้งว่ารถยนต์ EV หรือแบตเตอรี่ของรถยนต์นั้นจะมีโอกาสไฟไหม้ได้มากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการใช้งานที่ผู้ใช้เฉลี่ยส่วนใหญ่เชื่อว่าต้องการให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างน้อย 500 ไมล์ (ราว 800 กิโลเมตร) จากการชาร์จในแต่ละครั้ง แถมการชาร์จครั้งหนึ่งก็ัยังต้องใช้เวลาประมาณ 18-25 นาทีสำหรับการชาร์จแบบเร็วแล้ว เมื่อเทียบกับการใช้รถยนต์สันดาปที่เข้าไปเติมน้ำมันใช้เวลาเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น ก็อาจจะทำให้การเติบโตของรถยนต์ EV เป็นไปได้อย่างช้าลงอีก ซึ่งสิ่งนี้มีโอกาสกระทบกับปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยในอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ มีเรื่องที่จะเริ่มได้ยินการพูดถึงกันมากขึ้นนั่นคือการที่รถยนต์ EV อาจเกิดไฟไหม้ในขณะที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่ หรือว่าเกิดไฟไหม้หากแบตเตอรี่เกิดปัญหา แต่ทว่าทาง GM ได้เก็บข้อมูลในช่วงปีที่ผ่านมา ร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ EV อื่น ๆ ที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน แล้วทำออกมาเป็นรายงานซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงตัวเลขกรณีที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปเกิดไฟไหม้มากกว่ารถยนต์ EV เสียอีก
ผลการศึกษานี้ได้นำข้อมูลจากทาง National Transportation Safety Board (NTSB), Bureau of Transportation Statistics (BTS) และ Recalls.gov ที่รวบรวมข้อมูลการเรียกรถยนต์คืน (Recall) จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาของปี 2020 มาทำการวิเคราะห์จึงได้เป็นผลตามตารางด้านบน ซึ่งจากผลการศึกษาจะเห็นได้ว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปนั้นมีโอกาสเกิดไฟไหม้มากกว่ารถยนต์ EV ถึง 100 เท่าเลยทีเดียว
ด้วยผลการศึกษาดังกล่าว อาจจะทำให้ใครก็ตามที่กำลังมองหาซื้อรถยนต์ EV ตอนนี้สบายใจมากขึ้นก็เป็นได้ แต่แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ EV ก็ยังมีโอกาสเกิดเพลิงไหม้ได้อยู่ดี ดังนั้นท่านผู้ใช้งานรถยนต์ EV ก็ยังคงควรจะต้องศึกษาวิธีการใช้งานและบำรุงรักษารถยนต์ EV อย่างสม่ำเสมอเช่นเดิม