งานออกแบบ 3 มิตินั้นอยู่ในทุกส่วนในชีวิตของเราเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าผู้คนอาจไม่ได้ตระหนักถึงมากนัก หากพิจารณาให้ดีความสมจริงและสวยงามคือแกนหลักของความคิดสร้างสรรค์ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยคุณภาพการออกแบบที่ดี โดยการนำเทคโนโลยีการออกแบบสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กร เป็นยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างความเติบโตและยั่งยืนให้กับธุรกิจได้
และทีมงาน TechTalkThai ก็ได้มีโอกาสเข้าสัมภาษณ์คุณธวัช บัณฑิตอนุกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทยบริษัท Tech Data Advanced Solutions (Thailand) Ltd. ผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ออกแบบ 3D ยอดนิยมอย่าง Autodesk ที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในเกือบทุกภาคอุตสาหกรรม โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของตลาด 3D จากอดีตถึงปัจจุบัน และแนวโน้มของอนาคตที่กำลังเป็นไปครับ เชิญรับชมได้ในบทความนี้
เกี่ยวกับบริษัท Autodesk
Autodesk เป็นบริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1982 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ San Rafael, California.
ถ้าพูดถึงซอฟต์แวร์ AutoCAD เชื่อว่าทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่า บริษัท Autodesk คือผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ AutoCAD ขึ้นมา
ความจริงแล้ว บริษัท Autodesk, Inc. นั้นไม่ได้พัฒนาแค่ซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในงาน Drafting เท่านั้น แต่ Autodesk ยังเป็นผู้พัฒนาและเจ้าของลิขสิทธิซอฟต์แวร์ 3D เพื่อใช้ในการออกแบบที่มีผู้ใช้งานมากติดอันดับหนึ่งของโลกในหลายภาคอุตสาหกรรม อาทิเช่น
- การออกแบบผลิตภัณฑ์ในภาคการผลิต ซึ่งมีโซลูชันรองรับผู้ใช้งานทั้งทางด้านการออกแบบ การวิเคราะห์ทางวิศวกรรมและการผลิต ซอฟต์แวร์ที่จัดว่ามาแรงและเป็นเรือธงในอุตสาหกรรมนี้ คือ Autodesk Inventor, Fusion 360, Autodesk Moldflow และอื่น ๆ
- ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง Autodesk ก็มีโซลูชันสำหรับการออกแบบสถาปัตยกรรมอาคาร งานโครงสร้างและงานระบบต่าง ๆ ในอาคาร รวมถึงงานสาธารณูปโภค ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในอุตสาหกรรม พูดได้ว่า ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ในอุตสาหกรรมนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก Autodesk Revit
- นอกจากนี้ Autodesk ยังมีซอฟต์แวร์ที่เป็นเจ้าตลาดและถูกนำไปใช้ในการทำงานทางด้าน Graphic, Animation และVisualization ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเกมส์ เชื่อได้ว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยิน หรือรู้จัก Autodesk Maya และ 3Ds Max เป็นอย่างดี
เกี่ยวกับบริษัท TechData
TechData เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่ประกอบธุรกิจด้านการกระจายสินค้าไอทีและบริการ (Distributor) โดยมีสัดส่วนทางการตลาดติดอันดับต้น ๆ ของโลก สำหรับทีมงานที่ดูแลธุรกิจ Autodesk จะอยู่ในหน่วยงานดูแลที่ชื่อว่า Datech Solutions ซึ่งเป็น Global Autodesk Distributor โดยในประเทศไทย เราได้รับมอบหมายจาก Autodesk ให้ดูแลกลุ่มผลิตภัณฑ์ Vertical Products ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย
- Architecture Engineering & Construction (AEC)
- Design & Manufacturing (D&M)
- Media & Entertainment (M&E)
การเปลี่ยนแปลงของการออกแบบ 3D อดีต ปัจจุบัน และ 5 ปีข้างหน้า
ในอดีตผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ออกแบบจะจำกัดการทำงานอยู่แค่เฉพาะทาง หรือตามขอบเขตงานของแต่ละแผนก แต่ในปัจจุบันการทำงานจะเน้นเป็นแบบ Workflow และ Collaborative มากขึ้น กล่าวคือ มีการให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันในหลายภาคส่วนมากขึ้น โดยมีชิ้นงานออกแบบ 3D ที่ใช้เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างกันแต่ละฝ่ายให้เกิดความเข้าใจตรงกันได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแน่นอนที่สุดความต้องการในการประสานการทำงานของแต่ละโปรแกรมเข้าด้วยกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัวอย่างที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นนั้นก็คือกรณีของธุรกิจโรงงานและการผลิต ที่ฝ่ายออกแบบได้ทำการออกแบบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาในรูปแบบ 3D เพื่อส่งต่อไปยังฝ่ายขาย และประสานไปยังฝ่ายผลิตหรือลูกค้าให้มีการตรวจสอบแบบ โดยอาจมีการให้ความเห็นกลับมาทำการปรับแต่งแก้ไขแบบในส่วนต่าง ๆ และเมื่อมีการแก้ไขแบบ 3D จนเรียบร้อยแล้ว ทุกฝ่ายก็จะเห็นไฟล์ 3D ล่าสุดที่ตรงกัน จนมั่นใจว่าการออกแบบล่าสุดนี้พร้อมจะนำไปผลิตจริงแล้ว ก่อนจะเริ่มทำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า โดยแบบ 3D นี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังฝ่ายบริการหลังการขาย เพื่อให้รับทราบถึงข้อมูลการออกแบบที่ตรงกัน และให้บริการแก้ไขปัญหาแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ
Autodesk เองก็มองว่า การที่ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ จะทำให้ข้อผิดพลาดในการทำงานลดน้อยลง ขั้นตอนการทำงานกระชับขึ้น และดูเหมือนว่าความต้องการของลูกค้าในจุดนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น Autodesk จึงมีการจัดชุดแพ็กเกจเป็น Collection สำหรับแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น AEC Collection, PDMC Collection และ M&E Collection เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการใช้งานซอฟต์แวร์ได้หลากหลายขึ้นและในราคาที่คุ้มค่า
อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจมากและเริ่มเกิดการนำมาใช้งานจริงแล้วทั่วโลกรวมถึงไทยนั้นก็คือ Generative Design ที่กำลังเข้ามาผลิกโฉมวิถีการออกแบบในอนาคต ซึ่งใช้ AI เข้ามาช่วยออกแบบ โดยที่วิศวกรผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นสามารถกำหนดเป้าหมายที่ต้องการ และอินพุตตัวแปรต่าง ๆ ให้โปรแกรมสร้างผลงานออกแบบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ที่ยังคงมีโครงสร้างและความแข็งแรงได้ดังที่ต้องการ ด้วยวิธีการที่มนุษย์ปกติอาจคาดไม่ถึงในการออกแบบ โดยอาจประหยัดวัตถุดิบหรือต้นทุนที่ต้องใช้ในการผลิตลงได้ และสามารถใช้ 3D Printer สั่งพิมพ์ชิ้นงานขึ้นมาได้ทันที
นอกจากนี้ Digital Twins ก็จะเป็นอีกหนึ่งในแนวโน้มที่น่าจับตามอง เพราะสินค้าต่าง ๆ ในอนาคตนั้นจำเป็นที่จะต้องมีตัวตนในโลกเสมือน เพื่อนำไปใช้ต่อยอดสำหรับการออกแบบระบบขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนสูงในการนำไปจำลองการทำงานจริงร่วมกับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุอื่น ๆ รวมถึงนำไปใช้พัฒนาระบบ Application สำหรับ Digital Twins เพื่อรับข้อมูลจาก Sensor ในผลิตภัณฑ์จริงมาแสดงในรูปแบบ 3D ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ก็เป็นแนวทางที่ธุรกิจโรงงานและการผลิตในทุกอุตสาหกรรมต้องมุ่งไป
การที่สามารถตอบโจทย์เทรนด์การออกแบบที่เปลี่ยนไปได้นั้นคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Autodesk ยืนหยัดเป็นผู้เล่นรายหลักของตลาดได้เสมอมา เนื่องจาก Autodesk มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมแทบทุกส่วนงานของกระบวนการออกแบบตั้งแต่ Design – Visualize – Simulate ไปจนถึง Build หรือ Make ได้ในแพลตฟอร์มจากค่ายซอฟท์แวร์เดียวเท่านั้น คือ Autodesk
การเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดของตลาด Visualization
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นว่า ผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ 3D ในปัจจุบันไม่ได้แค่ต้องการขึ้นชิ้นงาน 3 มิติเท่านั้น หากแต่ว่าต้องการทำ Visualization หรือภาพเสมือนจริงในชิ้นงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบ เพื่อนำไปใช้ในงานโฆษณาหรือการตลาดได้ทันที รวมถึงแรงส่งจากกระแสความต้องการทำ Metaverse, AR, VR ในภาคอุตสาหกรรม ที่ต้องการนำแบบ 3D ที่ทำการสร้างขึ้นมากลายเป็นวัตถุในโลกเสมือนจริง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่เกื้อหนุนให้ตลาดซอฟต์แวร์ 3Ds Max ในกลุ่มผู้ทำงานด้าน Architect, Interior Designer, Product Designer และ 3D Artist เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสสู่ธุรกิจหรือบริการใหม่เพิ่มเติมให้กับผู้ประกอบการด้านการออกแบบเหล่านี้ไปด้วยอีกทางหนึ่ง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยนั้นก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการแปลงแบบ 3D ของโครงการก่อสร้างอย่างเช่น บ้าน หรือคอนโด ให้กลายเป็นภาพที่สมจริงและสวยงาม เพื่อนำไปใช้ในการโฆษณาขายโครงการ หรือแม้แต่ธุรกิจยานยนต์ ที่มีการสร้างภาพเสมือนที่สวยงามสำหรับรถยนต์ที่ได้ออกแบบเป็น 3D เอาไว้ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบชิ้นงานโฆษณา เป็นต้น
ส่วนในอนาคต ตลาด Metaverse จะกลายเป็นตลาดที่มีโอกาสและมูลค่าที่สูงมาก ซึ่ง 3Ds Max ก็สามารถช่วยให้ธุรกิจด้านการออกแบบสามารถคว้าโอกาสเหล่านี้ได้ ด้วยการเปลี่ยนงานออกแบบ 3D ที่มีอยู่ให้กลายเป็นวัตถุ 3D สำหรับนำไปใช้แสดงภายในโลกเสมือนได้อย่างสวยงาม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับงานออกแบบ และสร้างวัตถุเสมือนสำหรับสินค้าจริงให้กับธุรกิจได้ในเวลาเดียวกัน
เปิดรับสมัครพาร์ทเนอร์ผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย 3Ds Max
ปัจจุบัน Datech Solutions เปิดรับสมัครพาร์ทเนอร์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ 3ds Max โดยเฉพาะผู้ประกอบการทางด้าน IT และไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขทางธุรกิจหรือ Certificate ใด ๆ เหมือนซอฟต์แวร์ในกลุ่มอื่น ๆ ของ Autodesk ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการที่สนใจทุกท่านก้าวเข้าสู่ครอบครัว Autodesk และเติบโตทางธุรกิจไปด้วยกัน
ผู้ประกอบการธุรกิจทางด้าน IT ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ Autodesk สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณฐิติรัตน์อีเมล [email protected] เบอร์โทรศัพท์ 064-795-9198 สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการใช้งานโซลูชันต่าง ๆ ของ Autodesk ทาง Datech Solutions ได้มีการจัด Workshop เพื่อสอนการใช้งานที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าร่วมได้ฟรี โดยสามารถติดต่อทีมงาน Datech Solutions เพื่อเข้าร่วม Workshop ได้ตามต้องการ หรือสามารถเรียนรู้ผ่าน Learning Hub ภาษาไทยได้ด้วยตนเองที่ YouTube ช่อง Autodesk Channel by Datech Solutions