8 Soft Skills ต้องมี ที่นายจ้างอยากเห็นใน Resumé

0

เมื่อเตรียมสมัครงานใหม่ สิ่งที่หนีไม่พ้นเลยคือการเตรียมเรซูเม่ประกอบการสมัครงาน แน่นอนว่าผู้สมัครงานต้องดูว่าบริษัทนั้น ๆ ต้องการคุณสมบัติว่าที่พนักงานแบบไหน แล้วจึงปรับเรซูเม่ให้สอดคล้องตามไปด้วยเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานนั้น ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์การทำงานหรือผลสำเร็จก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้อง 

อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำงานยุคนี้คือ Soft skills หรือทักษะทางสังคมที่เสริมการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยจากรายงานล่าสุดของ ZipRecruiter หัวข้อ The Job Market Outlook for Grads  พบว่า ผู้จ้างงาน 93% มองว่า Soft skills มีอิทธิพลสำคัญในการตัดสินใจว่าจะเลือกจ้างพนักงานคนนั้นหรือไม่

แล้วทักษะอะไรที่ผู้จ้างงานกำลังมองหาในตัวพนักงาน? ลองไปดูกันว่า 8 Soft skills ที่กำลังเป็นที่ต้องการที่สุดสำหรับการทำงานในยุคนี้มีอะไรบ้าง

1. ทักษะการสื่อสาร (Communication skills)

แม้ในช่วง COVID อาจจะทำให้เราเจอหน้ากันน้อยลง ต่างคนต่าง Work from home แต่อย่างไรก็ดี คุณก็ไม่สามารถทำงานคนเดียวโดยไม่คุยกับใครเลยไม่ได้ นอกจากว่าในบริษัทนั้นจะมีคุณแค่คนเดียว แต่ถึงกระนั้นคุณก็ต้องติดต่อสื่อสารคุยกับลูกค้าของคุณอยู่ดี จึงเรียกได้ว่า ทักษะการสื่อสารนั้นเป็นทักษะที่ขาดไม่ได้เลยในคนทำงานไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม

Kristin Kelly CMO จาก CareerBuilder มองว่า ทักษะการสื่อสารอยู่ในอันดับต้น ๆ ในคุณสมบัติที่นายจ้างกำลังมองหา ในเมื่อคนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นหลักในการทำงานทางไกลหรือแบบไฮบริด ก็ต้องดูไปถึงว่า ถ้าได้รับอีเมลมา จะตอบกลับไปยังไง ซึ่งตามมารยาทแล้วก็ควรตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในสมัยนี้ที่ส่งเสริมความหลากหลายและการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม การทำงานกับคนหลากหลายรูปแบบก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง Georgene Huang ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Fairygodboss ก็เห็นว่า พนักงานต้องสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพกับคนทุกกลุ่มได้ด้วย

Image credit: G-Stock Studio/Shutterstock

2. การบริการลูกค้า (Customer service)

การบริการลูกค้าเป็นรูปแบบการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าที่ต้องการทำการซื้อขายกับผู้ขาย ซึ่งผู้ทำธุรกิจต่างมองว่าการบริการลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ถึงความพึงพอใจของผู้ซื้อและกระตุ้นให้เกิดการกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำ

แม้ว่าในทุกวันนี้ จะมีระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยรับมือกับการดูแลลูกค้า แต่การที่ลูกค้าได้มีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานตัวเป็น ๆ ก็มีความจำเป็นไม่ยิ่งหย่อนน้อยไปกว่ากัน เพราะการบริการลูกค้าที่ดีย่อมสร้างข้อได้เปรียบและความแตกต่างจากคู่แข่งที่มีสินค้าบริการในลักษณะคล้ายกันได้ โดยพบว่า ลูกค้ากว่า 80% มองว่า ประสบการณ์ที่บริษัทมอบให้แก่ลูกค้าสำคัญพอ ๆ กับตัวผลิตภัณฑ์และบริการ

ดังนั้น นอกจากทักษะการสื่อสารที่คนทำงานต้องมีแล้ว การมีใจรักในการให้บริการก็นับเป็นคุณสมบัติที่นายจ้างมองหาในตัวพนักงานด้วยเช่นกัน เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์และการรักษาลูกค้าให้ยังคงใช้สินค้าและบริการของแบรนด์ต่อไปในระยะยาว

Image credit: Portrait Image Asia/Shutterstock

3. การวางแผนจัดลำดับความสำคัญ (Scheduling)

เคยไหมที่วัน ๆ หนึ่งหมดไป แม้จะเข้าออฟฟิศแต่เช้า แถมออกสายอีก แต่คุณกลับรู้สึกว่าไม่ได้งานอะไรเลย หรือทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง? แน่นอนว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้บ่อยครั้งเมื่อต้องเผชิญกับการทำงานที่ต้องมีทั้งประชุม การขัดจังหวะบ่อยครั้ง รวมถึงงานด่วนแทรกเข้ามา คุณก็รู้สึกยุ่งทั้งวันโดยงานสำคัญไม่มีความคืบหน้าใด ๆ

การวางแผนจัดลำดับความสำคัญถือเป็นศาสตร์ของการวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายและทำงานที่สำคัญกว่าได้สำเร็จภายในขอบเขตเวลาที่มี เพราะเวลาเป็นทรัพยากรที่เราหาซื้อไม่ได้ และหากใช้ไม่เกิดประโยชน์ก็สูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ

ดังนั้น การวางแผนจัดลำดับความสำคัญจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้คุณจัดการเวลาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนั่นรวมไปถึงการจัดสรรเวลาเพื่อการทำงานที่สำคัญจริง ๆ ในขณะที่ยังมีเวลาเพื่อไปพัฒนาตนเอง และมีเวลาให้กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ด้วย

Image credit: Chaay_Tee/Shutterstock

4. ทักษะการบริหารเวลา (Time management skills)

ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ทำไมบางคนถึงทำงานได้ผลลัพธ์มากกว่าอีกคน คำตอบคือ การมีทักษะการบริหารเวลาที่ดี ซึ่งทักษะนี้เป็นกระบวนการจัดการและวางแผนจัดสรรเวลาสำหรับแต่ละกิจกรรม เพื่อสร้างผลิตผลได้มากขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

คนที่บริหารจัดการเวลาได้ดีจะมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์มากกว่ากิจกรรม เพราะความรู้สึกยุ่ง รู้สึกว่ามีอะไรต้องทำตลอดเวลานั้นไม่ได้มีค่าเท่ากับมีประสิทธิผล แต่ละคนอาจมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบหลายอย่าง แต่ไม่ว่าคุณจะทำงานในบทบาทอะไร หากบริหารจัดการเวลาของตัวเองไม่ได้ นั่นก็ย่อมหมายความว่าคุณจะไม่สามารถทำงานนั้น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบริษัทเป็นแน่

5. การบริหารจัดการโครงการ (Project management)

ทักษะการจัดการโครงการเป็นอีกคุณสมบัติที่นายจ้างมองหาจากตัวพนักงาน เพื่อการประสานงานโครงการอย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ โดยอาศัยกระบวนการเริ่มต้น คิด วางแผน และดำเนินโครงการ

การจะดำเนินโครงการให้สัมฤทธิ์ผลได้นั้นย่อมต้องอาศัยการทำงานร่วมกับทีม ซึ่งนั่นต้องใช้ทักษะการสื่อสารที่ดี การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น รวมไปถึงทักษะการจูงใจและการจัดการด้วย ทักษะนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการบูรณาการทั้ง Hard skills, Soft skills และบุคลิกเฉพาะตัวเข้าด้วยกัน เพื่อใช้ในการวางแผนงาน กำหนดระยะเวลา และดำเนินการตามแผนในแต่ละช่วงของโครงการนั้น ๆ 

Image credit: mangpor2004/Shutterstock

6. ทักษะการคิดวิเคราะห์ (Analytical thinking)

ทักษะการคิดวิเคราะห์เป็นคุณสมบัติที่รวมไปถึงความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์ วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ และแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ชุดทักษะสำคัญเหล่านี้สัมพันธ์กับการรับข้อมูลใหม่และการประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิผล

ทักษะการคิดวิเคราะห์จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ขาดไม่ได้ในพนักงานยุคนี้ เพราะทักษะดังกล่าวจะช่วยให้พนักงานรู้จักปรับตัวและพร้อมตั้งรับกับอุปสรรคใหม่ ๆ บริษัทที่จ้างพนักงานเหล่านี้ก็จะสามารถปรับตัวและตอบรับกับสภาพตลาดแบบใหม่ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในประกาศงานรับสมัครอาชีพสายงานขายก็มักระบุคุณสมบัติทักษะการวิเคราะห์เชิงคุณภาพและการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน

Image credit: Tapati Rinchumrus/Shutterstock

7. ความสามารถในการทำงานได้เอง ไม่ต้องพึ่งคนอื่น (Ability to work independently)

การทำงานร่วมกันในองค์กรไม่ได้หมายความว่าพนักงานต้องรอคำสั่งจากหัวหน้างานเพียงอย่างเดียว พนักงานที่มีความสามารถในการทำงานได้เองในงานที่ได้รับมอบหมายจะได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าหรือผู้จัดการ โดยที่ไม่ต้องให้พวกเขามาคอยประกบหรือสอนงานตลอดเวลา

พนักงานจึงต้องมีแรงจูงใจและมีวินัยในตัวเองสูง รู้ว่าตนต้องทำอะไร และเริ่มงานได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาออกคำสั่งหรือกระตุ้น อีกทั้งเรียนรู้ที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากตนโดยไม่มองหาข้ออ้างใด ๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวินัยความรับผิดชอบและการพึ่งพาตนเองเพื่อให้งานสำเร็จนั่นเอง

Image credit: BongkarnGraphic/Shutterstock

8. ความยืดหยุ่น (Flexibility)

ยิ่งในยุคนี้ที่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การรู้จักยืดหยุ่นปรับตัวตามสถานการณ์ได้อย่างฉับไว ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็นไฮบริด ประชุมออนไลน์ ตอบข้อความที่ส่งมาทางแชต หรือทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันแบบ Multitasking ความสามารถในการสลับสับเปลี่ยนไปมาเหล่านี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญในการทำงานยุค New normal เช่นนี้ หากยังคงยึดติดกับการทำงานรูปแบบเดิม ๆ ก็คงทำงานร่วมกับคนอื่นได้ยาก

============================================

ทั้งหมดนี้คือ 8 Soft skills ที่นายจ้างให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ จากการสำรวจของ ZipRecruiter แม้คุณจะเป็นเด็กจบใหม่ มีประสบการณ์ทำงานน้อย แต่หากมีทักษะเหล่านี้ติดตัว ก็มีโอกาสได้งานเช่นเดียวกับคนทำงานมาแล้วหลายปี ดังคำกล่าวของ Ian Siegel ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ ZipRecruiter ว่า “When you don’t have work experience to sell, remember that you can still sell yourself.” หากไม่มีประสบการณ์การทำงานให้ขาย ก็จงขายความเป็นตัวตนของคุณเอง

Image credit: metamorworks/Shutterstock