Exotic Food เผยเคล็ดลับวางระบบ ERP ให้ประสบความสำเร็จและใช้งานได้จริงด้วยแนวคิด “เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม” กับการเลือกใช้ SAP S/4HANA จาก NTT DATA Business Solutions Thailand

0

การวางระบบ ERP ให้ใช้งานได้จริงนั้นถือเป็นหนึ่งในความท้าทายของธุรกิจองค์กรหลายแห่ง เพราะระบบ ERP นั้นเป็นระบบที่มีความซับซ้อนและต้องรองรับต่อการทำงานของธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นธุรกิจองค์กรจำนวนมากที่มีแผนลงทุนใช้งานระบบ ERP นั้น ประสบกับปัญหาว่าระบบ ERP ที่ได้ลงทุนไปกลับไม่สามารถใช้งานได้ กลายเป็นคอขวดใหม่ของการดำเนินธุรกิจแทนที่จะกลายเป็นรากฐานสำคัญสู่การเติบโตอย่างมั่นคง

ในครั้งนี้ทีมงาน ADPT.news มีโอกาสได้สัมภาษณ์พูดคุยกับคุณวาสนา จันทรัช  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ที่ได้มาแบ่งปันแนวคิด แนวทาง และประสบการณ์ในการวางระบบ ERP สำหรับธุรกิจโรงงานและการผลิตที่มีฐานลูกค้าต่างชาติทั่วโลกยอดขายกว่า 1,500 ล้านบาท ว่าธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่จะขึ้นระบบ ERP สำคัญให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

Exotic Food กับความฝันที่จะทำให้อาหารไทยเข้าถึงได้ทุกครัวทั่วโลก

คุณวาสนา จันทรัช 
กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน)

คุณวาสนาได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Exotic Food จากประสบการณ์ในอดีตตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อนที่ คุณจิตติพร พี่ชายของคุณวาสนา เคยอาศัยอยู่ต่างประเทศ และพบว่าการซื้อวัตถุดิบและเครื่องปรุงสำหรับปรุงอาหารไทยในต่างประเทศนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะใน Supermarket นั้นไม่มีสินค้าที่เกี่ยวกับอาหารไทยเลย ทำให้ต้องเดินทางไปถึง Chinatown ที่อยู่ใกล้เคียง แต่ก็ยังพบว่าวัตถุดิบก็ยังไม่ได้มีครบถ้วนอย่างที่ต้องการ

ในขณะเดียวกัน เมื่อพูดคุยกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติ ก็พบว่าเพื่อนชาวต่างชาตินั้นชอบทานอาหารไทย แต่ถึงแม้จะได้รับวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงของไทยไป ก็ไม่สามารถนำไปประกอบอาหารด้วยตนเองได้เพราะไม่ทราบถึงวิธีใช้ ด้วยความที่บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารของไทยนั้นใช้ภาษาไทยเป็นหลัก

ด้วยเหตุนี้เอง คุณจิตติพร จึงชวนน้องสาว ก่อตั้ง Exotic Food ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1999 ทั้งเพื่อส่งสินค้าวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสอาหารไทยที่มี packaging ที่เข้าใจง่ายสำหรับลูกค้าต่างประเทศ เพื่อเจาะตลาด Export และเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้นำวัตถุดิบและเครื่องปรุงของไทยไปประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยแบบไทยๆหรือการนำไปผสมผสานกับอาหารหรือวัตถุดิบของประเทศท้องถิ่นก็ตาม เพื่อทำให้ให้แบรนด์สินค้าอาหารไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

Exotic Food เริ่มต้นจากวัตถุดิบและเครื่องปรุงของไทยเพียง 20 รายการที่สามารถนำไปใช้งานได้ง่าย เช่น น้ำจิ้มไก่, ซอสพริกศรีราชา, ซอสปอเปี๊ยะ, ซอสเปรี้ยวหวาน เครื่องแกง, กะทิ, น้ำปลา, เส้นก๋วยเตี๋ยว และอื่นๆ ซึ่งสามารถขนส่งและจัดเก็บได้ง่าย รวมถึงนำไปใช้ได้อย่างสะดวก ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติในหลากหลายประเทศ ทำให้ธุรกิจเติบโตมาได้อย่างต่อเนื่อง

หลังจากนั้น Exotic Food จึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ ในการปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบและเครื่องปรุงไทยในต่างประเทศ โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

  • ซอสและ เครื่องปรุงรส สำหรับใช้เป็นน้ำจิ้มหรือเติมใส่อาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ
  • เครื่องแกงและเครื่องปรุงประกอบอาหาร เช่นกะทิ
  • อาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทาน อุ่นเพื่อทานได้ทันที
  • วัตถุดิบประกอบอาหารอื่นๆ เช่นเส้นก๋วยเตี๋ยว

แน่นอนว่าเพื่อให้รสชาติแบบไทยๆ ถูกส่งไปถึงครัวทั่วโลกได้แบบต้นตำรับ Exotic Food จึงมีโรงงานผลิตสินค้าของตนเองเพื่อผลิตสินค้ากว่า 90% ที่จัดจำหน่าย และใช้วัตถุดิบจากพืชผลการเกษตรของไทยเป็นหลัก

คุณวาสนาเผยถึงวิสัยทัศน์ของ Exotic Food ว่าการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารไทยนั้นไม่จำเป็นต้องเผยแพร่เฉพาะการปรุงอาหารไทยแท้ๆ เพียงอย่างเดียว แต่การทำให้วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงของไทยสามารถผสมผสานเข้ากับอาหารพื้นบ้านในแต่ละประเทศนั้นก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้เกิดการกลมกลืนกับวัฒนธรรมในแต่ละประเทศได้อย่างเหมาะสม เปลี่ยนอาหารพื้นบ้านที่ชาวต่างชาติเคยทานอยู่ทุกวันให้มีรสชาติใหม่ๆ เกิดเป็นเมนูอร่อยที่ทานแล้วติดใจ เพียงเท่านี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว

การตอบโจทย์ตลาดระดับโลกได้เป็นอย่างดีนี้เองที่เป็นกุญแจสำคัญทำให้ Exotic Food สามารถจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้ในปี 2014 ภายใต้ชื่อ XO จวบจนปัจจุบันนี้ Exotic Food มีลูกค้าอยู่กว่า 70 ประเทศใน 5 ทวีปทั่วโลก วางจำหน่ายสินค้าภายใน Supermarket ชั้นนำในหลากหลายแบรนด์ ทำให้อาหารไทยถูกเข้าถึงได้เป็นวงกว้าง และสามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศได้เป็นอย่างดี

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Exotic Food สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.exoticfoodthailand.com/

เติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางวิกฤติ ต้องเร่งวางยุทธศาสตร์ใหม่อย่างเร่งด่วน

ถึงแม้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะทำให้ธุรกิจจำนวนมากทั่วโลกได้รับผลกระทบในเชิงลบ แต่ตลาดของ Exotic Food กลับเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่เป็นธุรกิจส่งออกวัตถุดิบและเครื่องปรุงอาหาร ที่เป็นที่ต้องการจากครัวเรือนทั่วโลกซึ่งไม่สามารถออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านได้ ทำให้ต้องปรุงอาหารเองเป็นหลักแทน และมองหาวัตถุดิบเครื่องปรุงใหม่ๆ ที่จะใช้ในการทำอาหารที่ไม่จำเจ และง่ายต่อการนำไปใช้งาน

อย่างไรก็ดี การเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดนี้ก็ได้กลายเป็นความท้าทายของ Exotic Food เช่นกัน เพราะนอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานครั้งใหญ่เพื่อเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยการแบ่งกะและการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งทำให้มีปริมาณพนักงานที่ทำงานในพื้นที่น้อยลงแต่ต้องรองรับการผลิตและส่งออกที่มากขึ้นแล้ว ต้นทุนของค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัตถุดิบและการขนส่งเองก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ Exotic Food ต้องมุ่งสู่การเป็นธุรกิจที่มีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และคล่องตัวมากยิ่งขึ้นให้ได้ในเวลานั้น

คุณวาสนาได้สรุปถึงแผนยุทธศาสตร์ใหม่ของ Exotic Food ภายใต้ชื่อ XO Level Up 4 ด้านที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติครั้งนั้น ได้แก่

  • Place ปรับที่ทำงาน โรงงานการผลิต ให้ทันสมัยตอบโจทย์การใช้งานสำหรับคนทำงานและเป็นshowcaseสำหรับลูกค้าที่มาเยี่ยมชม
  • Process ปรับระบบ Backbone การทำงานหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • People ยกระดับความสามารถของบุคลากรภายใน ให้มีทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงานในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  • Product ยกระดับการทำ Branding และความหลากหลายของสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าทั่วโลก

การที่ Exotic Food จะบรรลุถึงยุทธศาสตร์เหล่านี้ได้ ระบบ ERP ที่ดีจึงเป็นหัวใจสำคัญ

วางระบบ ERP ให้เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจไม่ง่าย กว่าจะสำเร็จต้องเจ็บครั้งใหญ่มาก่อน

แม้ว่า Exotic Food จะมีการใช้งานระบบ ERP อยู่แล้วในธุรกิจท่ามกลางช่วงที่มีการวางแผนยุทธศาสตร์ใหม่ในการปรับตัว แต่คุณวาสนายังเผยว่าระบบ ERP ที่มีอยู่เดิมนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ทีมงานของ Exotic Food ยังไม่ได้เข้าใจในระบบมากนัก ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายหลังจากเริ่มใช้งานระบบจริง เช่น

การกำหนดโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ไม่ครบถ้วน ทำให้ระบบ ERP ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ครบทุกส่วน

การปรับแต่งระบบที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบมีความซับซ้อนสูง ทำให้เกิดบัคและเกิดปัญหาเมื่อมีการอัปเกรดระบบ

การกระจายตัวของฐานข้อมูลในแต่ละส่วนซึ่งไม่สามารถนำมาผสานรวมกันได้ ทำให้ข้อมูลที่มีอยู่นั้นไม่สามารถใช้ได้ real time หรือนำมาใช้งานได้อย่างมั่นใจ ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างมหาศาลทำให้เสียเวลาในการทำงาน

ปัญหาเหล่านี้เองทำให้คุณวาสนามองว่าการวางระบบ ERP ในครั้งแรกของ Exotic Food นั้นไม่ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจนัก ซึ่งก็เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทีมผู้บริหาร และถือโอกาสในการมองหาระบบ ERP ใหม่นำมาใช้แทน ด้วยความคาดหวังว่าประสบการณ์ในอดีตจะทำให้การวางระบบ ERP ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่ต้องการ

เลือกใช้ SAP S/4HANA Cloud, private edition มั่นใจในแบรนด์ SAP จากการประเมินโดยทีมงานที่ต้องเป็นผู้ใช้งานจริง

ในการเลือกใช้งานระบบ ERP ใหม่ในครั้งนี้ ทีมผู้บริหารของ Exotic Food ได้เริ่มต้นจากการปรึกษากับบริษัทอื่นๆ ที่มีการใช้งาน ERP ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ และได้คำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ต้องเลือกระบบ ERP ที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้ตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ต้องปรับแต่งมากนัก” เพื่อให้การใช้งานและการดูแลรักษาในระยะยาวเป็นไปได้ง่าย ไม่ทำให้ธุรกิจสะดุดติดขัด ซึ่งเป็นปัญหาที่ Exotic Food เองก็กำลังเผชิญอยู่เช่นกัน

เมื่อตั้งโจทย์เริ่มต้นได้แล้ว Exotic Food ก็ได้เชิญเจ้าของผู้พัฒนาเทคโนโลยี ERP หลากหลายแบรนด์มาทำการนำเสนอความสามารถของระบบ โดยมีการสร้าง Scoring  Sheet ขึ้นมาเพื่อให้คะแนนสำหรับแต่ละระบบ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทุกๆ แผนกของ Exotic Food มาร่วมให้คะแนนเพื่อตัดสินใจในมุมมองการใช้งานจากการทำงานของตนเอง

สุดท้ายในการคัดเลือกโซลูชัน Exotic Food ก็ได้ตัดสินใจเลือกใช้ SAP S/4HANA Cloud, private edition ที่ความสามารถในแต่ละ Module สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะความสามารถในการรองรับสินค้าจำนวนมหาศาลที่มีความหลากหลายในการปรับแต่งรายละเอียดเพื่อรองรับการผลิตสำหรับลูกค้าในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสูตรการผลิตที่แตกต่างกัน, การจัดการสูตรการผลิตได้หลายรุ่น, การกำหนดฉลากผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้แตกต่างกันได้สำหรับแต่ละประเทศ และอื่นๆ อีกมากมาย

ส่วนการรองรับด้านระบบบัญชีและการบันทึกวิเคราะห์ต้นทุนนั้น SAP S/4HANA Cloud, private edition ก็สามารถตอบโจทย์ได้อยู่แล้วโดยแทบไม่ต้องปรับแต่งพัฒนาอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ Exotic Food จะต้องกำหนดความต้องการที่ชัดเจนเพื่อแจ้งต่อทีม SAP Implementer ได้เท่านั้น

วางใจให้ NTT Data Business Solutions Thailand ติดตั้งดูแลระบบ SAP จากการให้คะแนนโดยทีมงาน

แน่นอนว่าการขึ้นระบบ ERP ให้ประสบความสำเร็จนั้น Implementer ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี ทาง Exotic Food จึงเชิญ SAP Implementer หลายรายเข้ามานำเสนอ และให้ทีมงานในทุกแผนกทำการให้คะแนนเช่นเคย ซึ่ง NTT DATA Business Solutions Thailand หรือ NDBS Thailand นั้นก็ได้รับคะแนนสูงสุดและได้รับโอกาสในการมาร่วมโครงการในครั้งนี้

คุณวาสนาเผยว่าสาเหตุที่ต้องให้ทุกแผนกในบริษัทมาช่วยกันเลือกเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าสุดท้ายแล้ว การเลือก SAP Implementer ใดๆ มาร่วมงานด้วยนั้น หมายถึงการที่จะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหลายเดือนกับพนักงานในทุกๆ แผนก เพื่อปูความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับระบบ การรับโจทย์ความต้องการ, การปรับแต่งระบบ และการแก้ไขปัญหาเป็นไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้นการเลือกทีมงานที่พูดคุยกันถูกคอ สามารถร่วมงานกันได้ และอธิบายสื่อสารประเด็นปัญหาหรือข้อมูลเชิงเทคนิคของ SAPให้คนจากทุกส่วนงานของ Exotic เข้าใจได้จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้โอกาสการขึ้นระบบ ERP ประสบความสำเร็จนั้นสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อ NDBS Thailand มาเริ่มต้นทำงานแล้ว ทีมงานก็ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความสามารถในการสื่อสารได้เป็นอย่างดี ทำให้ Exotic Food มีความมั่นใจ โดย NDBS Thailand ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาอย่างน้อย 2 คนเพื่อรับผิดชอบสำหรับแต่ละ Module ที่โรงงานสาขาอมตะ ซิตี้ ของExotic Food ทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 6 เดือนในระหว่างขึ้นระบบ และอีก 1 เดือนหลังจากที่ระบบ Go-Live แล้ว จนสามารถปิดบัญชีได้สำเร็จ โดยยังมีการสนับสนุนหลังการขายอยู่อย่างต่อเนื่อง

เชื่ออุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยเทรนด์น่าจับตามอง

คุณวาสนาได้วิเคราะห์ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารนั้นยังคงเป็นตลาดที่มี Potential สูง จากการที่ลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ก็ต้องปรับตัวให้ได้ในสภาวะที่ต้นทุนและการแข่งขันสูง การเน้น Efficiency, Cost และ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้วในสถานการณ์นี้ แต่ Customer Experience ก็เป็นสิ่งที่ differentiate brand ของ Exotic Food ในตลาดโลก  โดยคุณวาสนาได้ชี้ให้เห็นถึงเทรนด์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารระดับโลกเอาไว้ 5 ประการ

Traceability การติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนหรือตกค้างในอาหาร มีการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร มีกระบวนการตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าสินค้าแต่ละชิ้นใช้วัตถุดิบหรือกระบวนการใด นำไปใช้อย่างไรบ้าง และถูกกระจายส่งไปจำหน่ายที่ใด เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ติดตาม เรียกคืนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของหลายประเทศที่มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยของอาหาร ซึ่งการที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมมีศักยภาพที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะมีโอกาสในการรุกสู่ตลาดต่างประเทศได้ ซึ่ง SAP ก็ตอบโจทย์นี้โดยสามารถช่วยลดเวลาในการทำการสืบย้อนกลับตามมาตรฐานผลิตอาหารที่เข้มงวด ในลดเวลาลงเหลือเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถมีข้อมูลคำตอบที่ต้องการได้ครบถ้วนเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้านความปลอดภัยของอาหารได้เป็นอย่างดี

Digitization & Automation เพื่อให้จัดการข้อมูลธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพแม่นยำ และทำงานได้อย่างเป็นอัตโนมัติรวดเร็วคล่องตัว ซึ่งปัจจุบัน Exotic Food ก็ได้เริ่มดำเนินแนวทางนี้แล้วหลังจากที่มีระบบ ERP ที่ประสบความสำเร็จ และค่อยๆ เปลี่ยนกระบวนการทำงานส่วนอื่นๆให้เป็น Digital และเป็นอัตโนมัติมากขึ้นทีละส่วน เพื่อให้ได้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีใหม่ๆที่ถูกลงและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นในโลกปัจจุบันให้เกิด productivity สูงสุด

Quality คุณภาพทั้งจากตัวสินค้าและประสบการณ์ของลูกค้ายังคงเป็นสิ่งสำคัญ และจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นท่ามกลาการแข่งขันที่ดุเดือด โดยเฉพาะสำหรับ Exotic Food ที่ต้องการสร้าง Brand ของตัวเองให้เป็นที่หนึ่งใจของทั้งลูกค้า B2B และ B2C การปรับปรุงควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการ จึงเป็นหัวใจสำคัญมากในการแข่งขันในอนาคต

Health Trend เทรนด์การรักษาสุขภาพก็ยังคงเป็นอีกแนวโน้มที่ได้รับความสนใจสูงขึ้น ซึ่งก็มีแนวโน้มที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ การทำความเข้าใจในเทรนด์เหล่านี้ก็จะทำให้ธุรกิจมองเห็นโอกาสใหม่ๆ มากขึ้นได้เช่นกัน

ESG การให้ความสำคัญในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลองค์กรให้ไม่คิดถึงแต่ผลกำไร แต่คิดถึง ความยั่งยืนด้วยเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งที่ตลาดทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าไปและมองหาในสินค้าที่เค้าซื้อ Supermarket บางแห่งในประเทศเริ่มมี Shelf เฉพาะสำหรับสินค้ากลุ่มนี้แล้ว ดังนั้นการติดตามนโยบายระดับประเทศหรือของ Distribution Channel ต่างๆก็เป็นสิ่งสำคัญ

บทเรียนสำคัญของการวางระบบ ERP ให้ประสบความสำเร็จ – “ต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วม”

คุณวาสนาได้ทิ้งท้ายถึงบทเรียนสำคัญสำหรับทุกธุรกิจทีต้องการวางระบบ ERP ให้ประสบความสำเร็จนั้นคือการให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วม ทุกคนคือทุกแผนก ตั้งแต่ผู้ใช้งานหน้างานไปจนถึงผู้บริหารจากทุกหน่วยงาน อย่าให้คนเพียงกลุ่มเล็กๆ เป็นคนเลือกและตัดสินใจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ERP คือระบบที่ทุกคนจะต้องใช้งานทุกวันต่อไปอีกเป็นระยะเวลายาวนานหลายปี ซึ่ง Exotic Food มีบทเรียนมาแล้วจากระบบ ERP เดิม ทำให้ครั้งนี้ที่เราดึงทุกคนในองค์กรมามีส่วนร่วมตั้งแต่ตอนคัดเลือก ทำให้ผลลัพธ์แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างชัดเจนและประสบความสำเร็จด้วยดี

ทั้งนี้ Exotic Food ได้มีการแบ่ง Phase ของการวางระบบ ERP ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

  • Pre-Implementation หาระบบที่เข้ากับการทำงานของบริษัทให้มากที่สุดโดยปรับแต่งระบบน้อยที่สุด หา SI ที่มีประสบการณ์ใน industry เดียวกันและมี Success Rate จากโครงการในอดีตที่สูง โดยอาจต้องมีการตรวจสอบไปยังลูกค้ารายต่างๆ ของ SI รายนั้นๆ ด้วย
  • Implementation ให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากทุกส่วนงานที่ต้องใช้ระบบมาเรียนรู้ปูพื้นฐานจนเกิดความเข้าใจในระบบ ERP ที่เลือกมาใช้งาน และเข้ามาทำงานร่วมกันในการออกแบบตัดสินใจ กำหนดความต้องการของระบบให้ครบ เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดหลังจากที่ตั้งค่าระบบไปแล้วซึ่งจะยากต่อการแก้ไขในภายหลัง
  • After Go-Live ควรต้องให้ Implementer เข้ามาให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเก็บตกสิ่งที่ยังขาด หรือปรับแต่งแก้ไขในบางส่วนที่ตกหล่นไป และต้องมีการ Training อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พนักงานปรับตัวใช้งานระบบได้อย่างถูกต้อง พร้อมทั้งมีการติดตามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานด้วย

“บทเรียนสำคัญคืออย่าให้คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ขึ้นระบบด้วยกัน แต่ต้องให้ทุกคนเข้ามาร่วมด้วยกันจริงๆ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม”

เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd.

บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษา และบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution

และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น

บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ได้ที่ email: marketing–solutions–[email protected] หรือ www.nttdata–solutions.com