อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) ได้มีการลงทุนในประเทศมาเลเซียตั้งแต่ปี 2559 พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าและขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีในแต่ละอุตสาหกรรมตั้งแต่นั้นมา ในวันนี้ AWS ได้ตอกย้ำความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยการประกาศการเปิดตัวของ AWS Region ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะพร้อมให้บริการภายในปี 2567 ต่อเนื่องจากที่ AWS ได้มีการประกาศแผนการลงทุนในระยะยาวรวม กว่า 25.5 พันล้านริงกิต (หรือประมาณ 1.94 แสนล้านบาท) เพื่อสร้าง AWS Region ในประเทศมาเลเซียภายในปี 2580 ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ และองค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาครัฐ การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร มีทางเลือกมากขึ้นในการเรียกใช้แอปพลิเคชันของตนและให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย
เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ Madani Economy Framework ของรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวมาเลเซียภายในปี 2573 การเปิดตัวของ AWS Region ในประเทศมาเลเซียจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศด้านดิจิทัลและตอบโจทย์ความต้องการทางด้านบริการคลาวด์ รวมไปถึงการส่งเสริมนวัตกรรมทั้งในมาเลเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงสร้างพื้นฐานแห่งใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรต่าง ๆ และหน่วยงานภาครัฐ สามารถร่วมมือกันทดลอง พัฒนาและเติบโตไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Generative AI, Machine Learning, Internet of Things (IoT) และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้แล้ว AWS Region ใหม่ยังจะช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้ในประเทศสามารถจัดเก็บข้อมูลในประเทศมาเลเซียได้อย่างปลอดภัย พร้อมให้ความหน่วงที่ต่ำและตอบสนองความต้องการในการใช้คลาวด์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสำหรับลูกค้าในประเทศและ AWS Partner
ในมาเลเซีย ทีมงาน AWS มาจากหลากหลายส่วนงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย Solutions Architect ฝ่ายฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร หรือฝ่ายพัฒนาด้านธุรกิจ ทุกหน่วยงานมีศักยภาพ พร้อมรองรับลูกค้าและ AWS Partner ทุกขนาด ยกตัวอย่างเช่น ธนาคาร Al Rajhi ธนาคารอิสลามมาเลเซีย สถาบันวิจัยด้านโรคมะเร็งในประเทศมาเลเซีย (Cancer Research Malaysia) สถาบันเทคโนโลยีและวิทยาลัยชุมชน (DPCCE) (Department of Polytechnic and Community College Education : DPCCE) หน่วยงานด้านสถิติมาเลเซีย (Department of Statistics Malaysia) Maxis และ PETRONAS เป็นต้น
Pos Malaysia Berhad (Pos Malaysia) ผู้ให้บริการไปรษณีย์และพัสดุแห่งชาติของมาเลเซีย ดำเนินงานทั้งหมดบน AWS เพื่อผลักดันเป้าหมายขององค์กรในการขยายผลิตภัณฑ์และบริการ ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ Pos Malaysia ได้ทำการปิดศูนย์ข้อมูลภายในบริษัท (On-Premises Data Center) และย้ายฐานข้อมูลด้าน IT ส่วนใหญ่มาไว้บน AWS ในปี 2566 จากการร่วมกับ AWS Pos Malaysia สามารถดำเนินธุรกรรมได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ด้วยตัวช่วยจากดิจิทัลโซลูชันใหม่ที่ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานลูกค้าเป็นหลัก อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่าย IT ได้มากถึง 50% อีกด้วย โซลูชันเหล่านี้ช่วยให้องค์กรที่อยู่มานานกว่า 200 ปีเช่น Pos Malaysia สามารถปรับตัวและรองรับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
นายสุเมธ ราฮาเวนดรา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่าย Digital and Transformation ที่ Pos Malaysia กล่าวว่า “จากการทำงานร่วมกับ AWS เราสามารถมอบสินค้าและโซลูชันทั้งด้านการค้า โลจิสติกส์ และนวัตกรรมอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในขณะเดียวกัน การย้ายงานทั้งหมดไปอยู่บนระบบ AWS ทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติงานหลักของเรา ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และขับเคลื่อนความสามารถในการทำกำไรไปพร้อมกับมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า ด้วย AWS Region ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปีหน้าที่มาเลเซีย เรามองเห็นโอกาสในการลดค่าความหน่วง พัฒนาแนวทางควบคุมข้อมูล และดูแลลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย”
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา PETRONAS, Gentari Sdn Bhd (Gentari), Amazon, และ AWS ได้มีการประกาศการร่วมมือกันเพื่อเร่งพัฒนาริเริ่มโครงการด้านความยั่งยืนและการลดคาร์บอน โดย PETRONAS และ AWS จะร่วมมือกันในการออกแบบและก่อสร้างโรงงานที่ล้ำสมัย ผสมผสานเทคโนโลยีแนวหน้า วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) รวมไปถึงระบบอัตโนมัติต่าง ๆ คล้ายกับที่ถูกนำมาใช้ในโกดังและศูนย์บริการของ Amazon นอกจากนี้แล้ว PETRONAS ยังคงนำเทคโนโลยีและบริการที่หลากหลายและเชี่ยวชาญที่สุดจาก AWS มาพัฒนาโซลูชัน ยกตัวอย่างเช่น SETEL ซึ่งเป็น e-wallet รายแรกของมาเลเซีย จะถูกนำมาใช้ซื้อเชื้อเพลิงที่สถานี PETRONAS หรือ STEAR ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนระบบ AWS และให้บริการโซลูชันด้านโลจิสติกส์บนคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันนอกชายฝั่ง

นายดาตัก บาโช พิลอง รองประธานอาวุโสฝ่ายโครงการและเทคโนโลยีที่ PETRONAS กล่าวว่า “การร่วมมือกันบนพื้นฐานความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่เรามีกับ Amazon และ AWS บวกกับความชำนาญของ Gentari ทางด้านพลังงานสะอาด เป็นปัจจัยสำคัญในการรณรงค์ให้สังคมก้าวสู่การใช้พลังงานสะอาด เราอยากเชิญชวนทุกคนที่มีแนวคิดเดียวกันมาผนึกกำลัง เสริมสร้างชุมชนที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”
การเพิ่มขึ้นของการนำ Generative AI มาใช้
Generative AI ซึ่งเป็นหมวดหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดได้ด้วยตนเอง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปัจจุบันเราได้เห็นถึงการนำ Generative AI มาใช้อย่างแพร่หลายในมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
123RF เป็นเอเจนซี่ให้บริการด้านรูปภาพดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก มีสำนักงานใหญ่ประจำมาเลเซีย และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านรายรวมไปถึงสมาชิกกว่า 3 ล้านรายทั่วโลก ในเดือนมีนาคม 2566 นี้ 123RF ได้เปิดตัว บริการด้านการสร้างรูปภาพด้วยระบบ AI โดยการใช้ Foundation Model (FM) ที่สามารถแปลอักษรเป็นภาพ (text-to-image) จากระบบ Stable Diffusion ของ Stability AI บวกกับ Amazon SageMaker เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่จากการป้อนข้อมูลคำสั่งในรูปแบบอักษร
นายอเล็กซ์ เพอึ๊ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ 123RF กล่าวว่า “การที่ 123RF นำบริการด้านการสร้างรูปภาพด้วยระบบ AI มาใช้ ทำให้เราสามารถยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างมาก ผู้ใช้งานสามารถนำความคิดสร้างสรรค์ของตนเองมาสู่ความเป็นจริง ส่งผลให้มีการเติบโตในการซื้อลิขสิทธิ์เพื่อใช้เนื้อหาที่ถูกสร้างด้วยระบบ AI มากถึง 20% ตั้งแต่ 123RF ได้ถูกก่อตั้งมา ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีคลาวด์ในการส่งเสริมความสำเร็จของลูกค้าเรา และการขยายขอบเขตแนวคิดสร้างสรรค์ในภูมิภาคอาเซียน”
นอกจากนี้แล้ว AWS ยังมีส่วนช่วยบริษัทสัญชาติมาเลเซียในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นการร่วมมือระหว่าง AWS และ Ramsay Sime Darby กับ Annalise.AI ในการสร้างเครื่องมือ AI ทางการพทย์เพื่อพัฒนาการดูแลรักษาคนไข้ ระบบ X-Ray ทรวงอกของบริษัท Annalise Enterprise ช่วยให้แพทย์ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ถึง 124 รายการจากการทำ X-Ray ทรวงอก ภายในระยะเวลา 20 วินาที ช่วยให้แพทย์สามารถรักษาคนไข้ได้อย่างรวดเร็วและทันเวลา

การเพิ่มขอบเขตบริการ AWS ในประเทศมาเลเซีย
เพื่อสนับสนุนนโยบายดิจิทัลของประเทศมาเลซีย AWS ได้เปิดสำนักงานใหม่ในใจกลางกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ซึ่งมีพื้นที่กว่า 32,000 ตารางฟุต และเน้นประโยชน์ทางด้านการทำงานที่คล่องตัว การเรียนรู้แบบตลอดชีวิต และการทำงานร่วมกัน เพื่อสะท้อนการเติบโตทั้งด้านธุรกิจและการลงทุนของ AWS ในประเทศมาเลเซีย ภายในอาคารถูกตกแต่งด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมมาเลเซีย และมีพื้นที่ที่ถูกออกแบบมาให้ทุกแผนกได้พบปะ ระดมความคิด แลกเปลี่ยนความคิดและทำงานร่วมกัน เพื่อให้กลุ่มต่าง ๆ ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ร่วมกัน
สำนักงานนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นจุดศุนย์รวมการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทุกฝ่าย อาคารจะเป็นที่รองรับการประชุมและ workshop ต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้และข้อมูลให้แก่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กรของ Amazon ที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย ทั้งนี้ สำนักงานใหม่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการที่ AWS มุ่งมั่นลงทุนในมาเลเซียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ AWS ได้เริ่มเข้ามาในประเทศในปี 2559
ความรู้และทักษะท้องถิ่น
AWS มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชาวมาเลเซียในทักษะด้านคลาวด์ โดยได้ฝึกอบรมไปแล้วกว่า 50,000 คนตั้งแต่ปี 2560 นอกจากนี้ AWS ยังได้ร่วมมือกับ World Education Placement Services เพื่อมอบการพัฒนาทักษะด้านคลาวด์และการฝึกอบรมการใช้งานจริงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านโปรแกรม AWS re/Start โปรแกรมนี้มีระยะเวลาการเรียนการสอน 12 สัปดาห์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และถูกออกแบบมาสำหรับผู้ว่างงานให้มีความพร้อมสำหรับอาชีพใหม่ในด้านคลาวด์คอมพิวติ้งในระดับเริ่มต้น อีกทั้งยังมอบโอกาสในการสัมภาษณ์งานกับผู้ว่าจ้างที่สนใจให้แก่ผู้เรียนอีกด้วย
ผ่านโปรแกรม AWS Academy สถาบันอุดมศึกษาเช่น Asia Pacific University of Technology and Innovation (APU) และ University of Malaya สามารถเข้าถึงหลักสูตรคลาวด์คอมพิวติ้งที่พร้อมสอน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่นักศึกษาในการสอบรับประกาศนียบัตรที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมและการสมัครงานในสายอาชีพที่เป็นที่ต้องการ

นายฉั่ว เซ็ง เฮง ผู้จัดการระดับประเทศด้าน Worldwide Public Sector ที่ AWS มาเลเซียกล่าวว่า “เราไม่ได้เพียงแต่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ แต่เรากำลังเตรียมความพร้อมของมาเลเซียในการก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ด้านดิจิทัล อีกทั้งยังเตรียมความพร้อมให้แก่บุคลากรในทักษะด้านดิจิทัลอีกด้วย AWS Region ใหม่นี้จะรองรับการขยายตัวการใช้งานระบบคลาวด์สำหรับองค์กรภาครัฐและช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ รองรับบริการที่ให้แก่ประชาชนอีกด้วย”
พัฒนาวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลในมาเลเซีย
การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในมาเลเซียเป็นแรงผลักดันในการขับเคลื่อนประเทศให้เป็นแหล่งพัฒนานวัตกรรมระดับภูมิภาคภายใต้กลยุทธ์ Madani Economy Framework ของรัฐบาล นอกจากนี้แล้วการรวมตัวทั้งด้านการลงทุน บวกกับแนวคิดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของอนาคตดิจิทัลและความเหนือชั้นด้านเทคโนโลยี ทำให้มาเลเซียมีบทบาทสำคัญในการแปลงโฉมอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ และยกระดับประเทศในเวทีระดับโลกอีกด้วย

นายพีท เมอร์เรย์ ผู้จัดการระดับประเทศที่ AWS มาเลเซียกล่าวว่า “ลูกค้าของเราเช่น 123RF, PETRONAS, ธนาคารอิสลามมาเลเซีย, Principal Asset Management, Gentari, Maxis, และ Carsome ได้นำเทคโนโลยีคลาวด์ที่ครอบคลุมที่สุดของ AWS มาใช้ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม เพิ่มประสิทธิภาพ และผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งภายในมาเลเซียและระดับโลก การเปิดตัวของ AWS Region ที่มาเลเซียในปี 2567 จะกระตุ้นให้มาเลเซียมีศักยภาพในการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลระดับภูมิภาค และสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ชาวมาเลเซียทั่วหน้าอีกด้วย”
เกี่ยวกับอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส
ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการทำงานบนคลาวด์ทุกรูปแบบ ซึ่งในปัจจุบันมีบริการอย่างเต็มรูปแบบกว่า 240 รายการ สำหรับการคำนวณ การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning: ML) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things: IoT) โทรศัพท์มือถือ การรักษาความปลอดภัย ไฮบริด เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality: VR) และการรวมวัตถุเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง (Augmented Reality: AR) สื่อและการพัฒนาแอปพลิเคชัน การใช้งาน และการจัดการจาก 102 Availability Zones (AZs) ใน 32 ภูมิภาค พร้อมประกาศแผนสำหรับ Availability Zones เพิ่มเติมอีก 12 แห่ง และ AWS Regions อีก 4 แห่งในแคนาดา เยอรมนี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และไทย ลูกค้ากว่าล้านรายรวมไปถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว องค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐ ต่างเชื่อมั่นใน AWS ในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและมีต้นทุนที่น้อยลง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS ได้ที่ aws.amazon.comc