Magento ผู้พัฒนาระบบ Open Source E-Commerce Platform ได้ออกมาสรุปถึง 4 Business Dashboard ที่เหล่าธุรกิจ B2B ควรสร้างเอาไว้และมีไว้ให้ผู้บริหารและพนักงานในแผนกต่างๆ ได้ติดตามเฝ้าดูกันทุกวัน เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องดังนี้
1. ภาพรวมของลูกค้า
เป็น Dashboard สำหรับแผนกกลยุทธ์, ผู้บริหารระดับสูง และผู้บริหารฝ่ายขาย เพื่อใช้ทำความเข้าใจในลูกค้าแต่ละรายใน KPI แง่มุมที่หลากหลาย เช่น ระยะเวลานับจากการสั่งซื้อสินค้าครั้งสุดท้าย หรือการสั่งซื้อสินค้ารวมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งมีข้อมูลการจัดซื้อที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนเพื่อให้ตัดสินได้ว่าลูกค้ารายใดยังคงเป็นลูกค้าประจำอยู่หรือไม่
Dashboard นี้จะช่วยให้องค์การสามารถค้นพบความผิดปกติและวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกค้าแต่ละรายที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายได้ดีขึ้น เพื่อเป็นทิศทางให้ฝ่ายขายสามารถติดต่อกลับเข้าไปพูดคุยกับลูกค้าแต่ละราย และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
2. ภาพรวมของสินค้าหรือบริการ
เป็น Dashboard สำหรับฝ่ายขาย และแผนก E-Commerce เพื่อให้รับรู้ว่ารายการสินค้าหรือโปรโมชันใดๆ นั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด และนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประกอบการทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด และนำเสนอสินค้า บริการ หรือโปรโมชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น เช่น ลูกค้าชอบการลดราคาจริงหรือไม่ หรือการจับคู่สินค้าจะได้ผลมากกว่า เป็นต้น
นอกจากนี้ การขึ้นราคาสินค้าบางรายการเพื่อเพิ่มรายรับของบริษัทเอง ก็อาจต้องการข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน Dashboard ที่จะขาดไม่ได้ในทุกธุรกิจเลยก็ว่าได้
3. ภาพรวมของการออกใบเสนอราคา
เป็น Dashboard สำหรับฝ่ายขาย, ผู้จัดการฝ่ายขาย, ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ และผู้จัดการฝ่าย E-Commerce โดยการออก Quotation และการต่อรองราคานั้นคืองานพื้นฐานของธุรกิจ B2B และการเปลี่ยนจาก Quotation ให้กลายเป็น Order ให้ได้นั้นก็ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต ดังนั้นการตรวจสอบข้อมูลเช่น Quotation ฉบับใดใช้เวลาในขั้นตอนการต่อรองราคานานผิดปกติ หรือโอกาสที่จะต่อรองสำเร็จในสินค้าแต่ละหมวดหมู่หรือสำหรับลูกค้าแต่ละรายมีความสำเร็จมากน้อยเพียงดใ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจทำงานและการขายมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นไปด้วย
4. ภาพรวมผลงานของเซลส์แต่ละคน
เป็น Dashboard สำหรับฝ่ายขายทุกๆ คนรวมถึงผู้จัดการฝ่ายขาย เพื่อเรียนรู้ว่าในบริษัทมีเซลส์คนใดที่มียอดขายสูง, นำเสนอสินค้ากลุ่มใด, มีลูกค้ากลุ่มใด และใช้กลยุทธ์ใดในการขาย เพื่อให้พนักงานฝ่ายขายได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันและเกิดการพัฒนาไปพร้อมๆ กันรวมถึงสร้างทิศทางของฝ่ายขายร่วมกัน ในขณะที่พนักงานฝ่ายขายแต่ละคนเองก็จะได้มีข้อมูลสำหรับติดตามการทำงานของตนเอง เช่น Quotation ใบใดกำลังจะหมดอายุ, ลูกค้ารายใดกำลังจะถึงเวลาต่อสัญญา ส่วนผู้จัดการฝ่ายขายก็จะประเมินประสิทธิภาพของเซลส์แต่ละคนตาม KPI ในหลากหลายแง่มุมได้
อ้างอิง https://magento.com/blog/best-practices/four-dashboards-digital-b2b-merchants-should-be-watching