หลังจากที่โครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 ได้ประกาศผลธุรกิจ Startup 8 รายที่ผ่านเข้ารอบกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ธุรกิจเหล่านี้จะได้เข้าร่วมโครงการอบรมเพื่อขัดเกลาธุรกิจ เพื่อให้สามารถขยายธุรกิจเจาะตลาดเมืองไทย และเติบโตไปสู่ระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว มาดูกันว่าในช่วง 12 สัปดาห์นี้ เหล่าธุรกิจ Startup ที่ได้เข้ารอบในครั้งนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์และเข้าร่วมกิจกรรมอะไรกันบ้าง
8 ธุรกิจ Startup จากทั่วโลกในโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2: หลากนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรม เตรียมขยายฐานสู่เอเชีย โดยมีไทยเป็นจุดเริ่มต้น
หากใครติดตามข่าวคราวของโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 มาก่อน ก็จะทราบดีว่าโครงการลงทุนในธุรกิจ Startup ที่นำโดยธนาคารกรุงเทพนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เพราะนอกจากการลงทุนในธุรกิจ Startup จากทั่วโลกที่มีนวัตกรรมเฉพาะทางอยู่ในมือ และกำลังมองหาการเติบโตและต้องการขยายตลาดธุรกิจของตนเองแล้ว โครงการนี้ยังจะช่วยให้ธุรกิจ Startup เหล่านี้สามารถนำนวัตกรรมต่างๆ มาประยุกต์ใช้ตอบโจทย์ลูกค้าและธุรกิจในเมืองไทยให้ได้เป็นหนึ่งในเป้าประสงค์หลักอีกด้วย
ความหลากหลายของนวัตกรรมจากเหล่าผู้เข้ารอบในครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะธุรกิจเหล่านี้ถือว่ามีความโดดเด่นไม่น้อยทีเดียวเมื่อเทียบกับ Startup รายอื่นๆ ที่เคยมีข่าวได้รับการลงทุนในประเทศไทย อาทิ
- AntWorks (สิงคโปร์) Platform ระบบ AI ที่ทำการอ่านข้อมูลและรวบรวมข้อมูลโดยอัตโนมัติ พร้อมทำการวิเคราะห์ออกรายงานและสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ด้วยตัวเอง โดยใช้ Fractal Science เป็นเทคโนโลยีหลัก
- CryptoMove (สหรัฐอเมริกา) ระบบจัดเก็บ Key และ Secret สำหรับใช้ในการพัฒนา Application พร้อมเทคโนโลยีปกป้อง Key และ Secret เหล่านี้เพิ่มเติม
- Eywa Media (สิงคโปร์) พลิกโฉมการโฆษณาบนจอโทรทัศน์และวิทยุ ส่งโฆษณาตรงถึง Smartphone และ Tablet ในมือผู้ชมได้ทันที
- Jumper.ai (สิงคโปร์) เปลี่ยน Social Network ให้กลายเป็นร้านค้า ผู้ซื้อสามารถสั่งซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องออกจาก Platform นั้นๆ เลย
- Pand.ai (สิงโปร์) ผู้พัฒนาโซลูชัน Chatbot พร้อม Deep NLP เข้าใจบทสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วย Deep Learning
- Pymlo (ฮ่องกง) โซลูชันระบบบัญชีบน Cloud แบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ SME
- Sepulsa (อินโดนีเซีย) จ่ายค่าบริการต่างๆ และรวบรวมใบเสร็จสั่งซื้อของ E-Commerce ได้ในระบบเดียว
- Vymo (อินเดีย) เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจด้วย Personal Assistant Application ที่ชาญฉลาด
ธุรกิจเหล่านี้ต่างก็มีลูกค้าของตนเองอยู่แล้วในประเทศหรือภูมิภาคใกล้เคียง ทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจเหล่านี้กำลังพัฒนานวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และกำลังมองหาการขยายธุรกิจสู่การเติบโตในทวีปเอเชียหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประเทศไทยเป็นตลาดที่โดดเด่นในยามนี้ ทั้งด้วยประเด็นด้านขนาดของตลาด, การมีภาษาเฉพาะตัว, พฤติกรรมผู้บริโภคที่แตกต่าง, อัตราการใช้งานโทรศัพท์มือถือและ Social Network ที่สูง ไปจนถึงการเปิดรับต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
โครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 ที่มีทั้งธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ในเมืองไทย และ Nest ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรมระดับโลก จึงได้นำความเชี่ยวชาญของตนเองเข้ามาช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเติบโตต่อไปได้โดยมีเมืองไทยเป็นอีกโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโตในก้าวนี้ ด้วยโครงการอบรมเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์
12 สัปดาห์ ปรับนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ตลาดและกฎหมายเมืองไทย เปลี่ยนกลยุทธ์ให้ครองใจลูกค้าคนไทยให้ได้
โจทย์หนึ่งซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ยากมากในการเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็คือ ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม, ความคิด, พฤติกรรม และภาษาที่ใช้กันในประเทศต่างๆ ซึ่งความแตกต่างหลากหลายนี้เองที่ทำให้ธุรกิจระดับนานาชาติไม่สามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้โดยง่าย และในโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 นี้ก็ต้องการจะเริ่มต้นสร้างความเป็นไปได้ตรงนี้ให้เป็นจริงขึ้นมา ด้วยการผลักดันให้นวัตกรรมเหล่านี้สามารถเจาะตลาดเมืองไทยได้ด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของธนาคารกรุงเทพ
จากการที่ทีมงาน ADPT มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับทีมงานของธุรกิจ Startup ที่เข้ารอบในโครงการครั้งนี้ ทุกคนที่ได้คุยด้วยก็พูดตรงเป็นเสียงเดียวกันว่า ภารกิจสำคัญภายใน 12 สัปดาห์นี้ ก็คือการประยุกต์นำเทคโนโลยีที่ตนเองมีอยู่ มาใช้กับธนาคารกรุงเทพ หรือตอบโจทย์ลูกค้าในเมืองไทยให้ได้ ซึ่งแต่ละรายเองนั้นก็จะมีโจทย์เฉพาะของตนเองที่แตกต่างกันไป เช่น การปรับ AI ที่ตนเองมีอยู่ให้สามารถใช้งานกับภาษาไทยได้, การปรับ Workflow ของระบบให้เชื่อมกับ Payment Gateway ในเมืองไทยหรือตอบโจทย์กฎหมายเมืองไทยให้ได้, การขยายฐานในเมืองไทยด้วยการจับมือเป็น Partner กับธุรกิจในเมืองไทย เป็นต้น ซึ่งการที่ธุรกิจเหล่านี้สามารถผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้ ทางคณะกรรมการของโครงการเองก็ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการประยุกต์นำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้ในเมืองไทยอยู่แล้วว่าเป็นไปได้จริง
เพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงขึ้นมาได้ นอกจากการที่ทีมงานของธุรกิจ Startup เหล่านี้จะต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของธนาคารกรุงเทพอย่างใกล้ชิดแล้ว ภายในโครงการนี้เองก็ยังมีโปรแกรมการอบรม 5 ประเด็นหลักๆ เพื่อให้เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมและประเด็นต่างๆ ในการทำธุรกิจในเมืองไทย ดังนี้
- ทำความรู้จักกับธุรกิจของธนาคารกรุงเทพ
- ภาพรวมของธุรกิจและการลงทุนในเมืองไทย
- Ecosystem ทางด้าน Startup ในเมืองไทย
- กฎหมายธุรกิจของเมืองไทย
- การทดลองตลาด และกลยุทธ์เริ่มต้นรุกตลาดเมืองไทย
เรียกได้ว่าธุรกิจที่เข้ารอบมาในครั้งนี้จะต้องปรับทั้งนวัตกรรมของตนเองให้สามารถใช้งานกับภาษาหรือความต้องการเฉพาะทางของเมืองไทย ไปจนถึงรูปแบบการทำธุรกิจของตนเองเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อตลาดเมืองไทยได้ เพื่อให้การเติบโตในเมืองไทยนั้นเกิดขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ที่ประสบความสำเร็จใน Bangkok Bank InnoHub Season 1 และรู้จักกับเหล่านักลงทุนเพิ่มเติม สร้างเครือข่ายธุรกิจให้เติบโต
นอกจากการอบรมและการทำงานร่วมกันแล้ว ภายในโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 นี้ก็ยังมีการช่วยธุรกิจ Startup ให้มีเครือข่ายกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งการนำธุรกิจที่ผ่านเข้ารอบในโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 1 มาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของตนเองกับผู้ที่เข้ารอบในครั้งนี้ ไปจนถึงการเชิญเหล่านักลงทุนมารู้จักกับธุรกิจ Startup เหล่านี้เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนเพิ่มเติม
ติดตามรายละเอียดข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bangkok Bank InnoHub Season 2
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดและข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Bangkok Bank InnoHub Season 2 สามารถติดตามได้ที่ https://www.bangkokbankinnohub.com/ และ https://www.facebook.com/BangkokBankInnoHub ทันที