ก่อนหน้านี้ได้มีความพยายามที่จะหายาเพื่อรักษาอาการอัลไซเมอร์แต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว หากแต่การทดลองใหม่ที่ออกมาจาก IBM Research นี้อาจมีศักยภาพที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้า (breakthrough) อย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้ โดยกลุ่มนักวิจัย IBM ได้ใช้พลังของระบบ Machine Learning ที่จะตรวจจับหาดัชนีชี้วัดทางชีวภาพ (biological marker) เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ได้จากการตรวจเลือดแบบธรรมดาทั่วไป
ตัวดัชนีชี้วัดทางชีวภาพคือเปปไทด์ (peptide) ที่มีชื่อว่า amyloid-beta ซึ่งโซลูชันนี้ยังมาพร้อมกับการตรวจับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลที่จะเป็นอัลไซเมอร์ได้เร็วกว่าการสแกนสมองได้ และยังสามารถบอกได้ก่อนที่โรคจะเริ่มแสดงให้เห็นอาการออกมาอีกด้วย จึงคาดว่าสิ่งนี้จะสามารถช่วยให้แพทย์มีเครื่องมือที่ดูแลรักษาคนไข้ของพวกเขาได้ดีกว่าเดิม
ตามงานวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นไปที่ amyloid-beta ในไขสันหลังของแต่ละบุคคลที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปก่อนที่จะเริ่มมีสัญญาณแรกของโรคนั้นแสดงออกมา ซึ่งคนที่เริ่มมีอาการผิดปกติเล็กน้อยของความสามารถของสมอง (mild cognitive impairment) ที่มีความเข้มข้นของเปปไทด์ในไขสันหลังผิดปกตินั้นมักจะมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคได้มากกว่า 2.5 เท่า
โชคไม่ค่อยดีนัก การรวบรวมข้อมูลไขสันหลังมาเพื่อทดสอบนั้นเป็นสิ่งที่รุกล้ำผู้ป่วยอย่างมาก มีราคาแพง และไม่ได้เป็นกระบวนการที่เสถียรในการตรวจจับโรคได้ล่วงหน้า ดังนั้น สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ที่ IBM ทำนั้นจึงเป็นการใช้ระบบ Machine Learning เพื่อที่จะระบุโปรตีนในเลือด ที่จะทำให้สามารถทำนายความเข้มข้นของดัชนีชีวภาพในไขสันหลังได้แทน
บริษัทกล่าวว่าสิ่งนี้เป็นครั้งแรกของเทคโนโลยีนี้ที่นำมาใช้สำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้โดยเฉพาะ แม้ว่าพวกเราอาจจะยังคงศึกษาเกี่ยวกับระบบ Machine Learning เกี่ยวกับโรคระบบประสาท (neurodegenerative) ต่อไป ทาง IBM ก็จะมุ่งหวังที่จะนำระบบ AI มาใช้เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจเงื่อนไขของโรคต่างๆ อย่างเช่นโรคอัลไซเมอร์ได้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่การทดสอบในไขสันหลังจริงๆ นั้นจะมีความแม่นยำที่สูงกว่าอย่างชัดเจน ทาง IBM ก็ยังเชื่อว่าการทดสอบผลเลือดของระบบนี้จะสามารถช่วยทำนายความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วยความแม่นยำอยู่ที่ 77% แม้ว่าวิธีการนี้จะยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นทดลองอยู่ หากแต่ในอนาคตนั้นนักวิทยาศาสตร์อาจจะนำเอาระบบนี้มาใช้ทดลองเพื่อที่ใช้ในการสร้างยารักษาได้
เหตุผลหนึ่งที่ทำไมนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ทำนั้นเป็นเพราะผู้ทดลองโดยส่วนใหญ่มักจะยังห่างไกลจากการตรวจจับโรคได้อยู่ ซึ่งการทดสอบนี้จะช่วยสามารถค้นหาคนที่เริ่มมีโอกาสที่จะเกิดโรคได้เพื่อที่จะทำให้ยังคงมีโอกาสที่จะชะลออาการของโรคต่อไปได้เช่นกัน
Source : https://www.engadget.com/2019/03/10/ibm-ai-blood-test-early-alzheimers-detection/