Ford ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะปลดพนักงานเงินเดือนทั่วโลกออกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 7,000 ราย หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์จากพนักงานทั้งหมด 70,000 คน ในจำนวนนั้น มีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้จัดการระดับอาวุโส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับโครงสร้างของบริษัท
พนักงานจำนวน 800 คนในทวีปอเมริกาเหนือจะถูกปลด โดยมีผลทันทีวันอังคารนี้จำนวน 500 คน การปลดพนักงานจะสิ้นสุดภายในเดือนสิงหาคม พนักงานสัญญาจ้างบางรายก็อาจตกงานด้วย ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ระบุว่าเป็นจำนวนเท่าไร และจะปลดพนักงานแผนกใดมากที่สุด แม้ว่าจำนวนพนักงานที่ถูกปลดทั้งหมด 7,000 ราย มีแนวโน้มว่ามาจากการตัดสินใจของบริษัทที่จะปิดตัวฐานผลิตและออกจากตลาดรถบรรทุกในอเมริกาใต้ หากรวมจำนวนพนักงานทั่วทั้งโลกแล้ว รวมถึงพนักงานที่ไม่ได้รับจ้างรายเดือนด้วย Ford มีพนักงานทั้งสิ้นมากกว่า 200,000 คน
การลดพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างมูลค่า 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ Jim Hackett CEO ของ Ford ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม ก่อนหน้านี้ Hackett มาจากแผนก Smart Mobility ของ Ford ก่อนที่จะมารับตำแหน่ง CEO แทน Mark Fields ซึ่งเป็น CEO มาเป็นระยะเวลา 3 ปี บริษัทได้ทาบทาม Hackett ไว้ก่อนเพราะเขามีชื่อเสียงมาจากการเป็นผู้นำในบริษัทเฟอร์นิเจอร์ Steelcase แต่ก็เนื่องจากเขาอยากสานสัมพันธ์กับ Silicon Valley ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์รายหลักทั้งหมดมุ่งหวังเพราะต้องเจอการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ
Hackett ยังคอยช่วยดูแลการเปิดตัวบริษัทใหม่ที่พัฒนาเรื่องยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ลงทุน 500 ล้านดอลลาร์ให้บริษัท Rivian สตาร์ทอัพ EV และพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบคลาวด์เพื่อทำให้รถของบริษัทเชื่อมโยงได้มากขึ้น เขายังต้องสู้กับสมรรถนะที่ล้าหลังของบริษัทในตลาดหุ้นอีกด้วย แม้ว่าจะประกาศปรับโครงสร้างเมื่อปีที่แล้ว Hackett ก็ยังคงปิดปากเงียบมาตลอดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่เมื่อช่วงสองสามเดือนที่แล้ว Ford ก็เริ่มเปิดเผยรายละเอียดว่าบริษัทจะเปลี่ยนไปอย่างไร ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งก็คือการร่วมเป็นพันธมิตรกับ Volkswagen ในเดือนมกราคมที่มุ่งเป้าไปที่รถบรรทุกปิกอัพ รถตู้ รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรถยนต์ไฟฟ้าด้วย
ตอนนี้ เราก็ได้รู้จำนวนพนักงานที่ Ford จะปลดออกเพื่อลดค่าการดำเนินการต่างๆ และทำให้ความพยายามครั้งใหม่ดังกล่าวสำเร็จได้