Thai Solar Energy มั่นใจใช้ SAP Business One ตอบโจทย์การจัดการธุรกิจพลังงานสะอาดผ่าน Cloud พร้อมบริการจาก ISS Consulting

0

สำหรับธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่มีแผนในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การวางระบบสำหรับบริหารจัดการงานต่างๆ รวมถึงงานด้านการเงินและการบัญชีให้เหมาะสมต่อการทำงานและการตรวจสอบนั้นถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็น และ Thai Solar Energy ธุรกิจพลังงานทางเลือกชั้นนำของเมืองไทยเองก็ตัดสินใจเลือกใช้งาน SAP Business One โดยมีทีมงาน ISS Consulting คอยให้คำปรึกษาและดูแลรักษาระบบ เพื่อให้ระบบ ERP สำคัญของธุรกิจนั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดได้อย่างต่อเนื่อง

ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณรุ่งราวี นิยมเดชา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี แห่ง Thai Solar Energy เจาะลึกถึงประเด็นเรื่องการเลือกและติดตั้งใช้งาน SAP Business One ในครั้งนี้โดยเฉพาะ จึงขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

รู้จักกับ Thai Solar Energy ธุรกิจพลังงานทดแทนสัญชาติไทย ที่ขยายธุรกิจไปไกลถึงญี่ปุ่น

Thai Solar Energy หรือ TSE ถือเป็นธุรกิจด้านพลังงานของไทยที่น่าจับตามองมากตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในช่วงปีพ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นการจับกระแสด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ และได้ขยายกิจการให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงลงทุนด้านพลังงานทางเลือกอย่างพลังงานชีวมวลเพิ่มเติม จนเมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมานี้ ก็มีผลประกอบการที่สวยงาม ด้วยรายได้รวมถึง 2,101 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมถึง 799 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยธุรกิจของ TSE จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

Credit: Thai Solar Energy
  1. ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย มีด้วยกันทั้งสิ้น 15 โครงการ ขนาดรวม 101MW
  2. ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น มีด้วยกันทั้งสิ้น 8 โครงการ ขนาดรวม 72MW
  3. ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาในประเทศไทย มีด้วยกันทั้งสิ้น 14 โครงการ ขนาดรวม 14MW
  4. ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศไทย มีด้วยกันทั้งสิ้น 3 โครงการ ขนาดรวม 2MW

สำหรับในประเทศไทย ลูกค้าหลักของ TSE คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงที่รับซื้อพลังงานจาก TSE ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์หลักของ TSE นั้นก็คือการขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ ในขณะที่งานหลักๆ ของ TSE ก็คือการดูแลโรงไฟฟ้าของตนเองให้สามารถทำงานได้อยู่ตลอด และผลิตพลังงานไฟฟ้าให้ได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอบรับต่อความต้องการของพลังงานสะอาดที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญทั่วโลกในเวลานี้

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TSE สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaisolarenergy.com/

มีแผนขยายธุรกิจและเข้าซื้อกิจการอยู่ตลอด การวางระบบหลังบ้านให้ดีคือโจทย์ที่สำคัญ

 คุณรุ่งราวี นิยมเดชา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี Thai Solar Energy

โจทย์หนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของ TSE แตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ นั้น ก็คือการที่นอกเหนือไปจากการลงทุนสร้างโรงงานไฟฟ้าของตนเองแล้ว TSE ก็ยังมีกลยุทธ์ในการเร่งสร้างการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และชีวมวลอยู่ตลอดเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า ทำให้ในแต่ละปี TSE จะมีข่าวการลงทุนควบรวมกิจการอยู่เสมอ

Credit: Thai Solar Energy

การเข้าซื้อกิจการนี้มักจะตามมาด้วยการที่ TSE ต้องเข้าไปปรับปรุงระบบการบริหารจัดการของธุรกิจ และการวางระบบบัญชีและการเงินใหม่เพื่อให้ข้อมูลของการทำงานในโรงไฟฟ้าแต่ละโรงนั้นสามารถนำมาผสานรวมกันภายใต้เครือ TSE ได้ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถเห็นภาพรวมของธุรกิจได้ชัดเจน และสามารถนำส่งข้อมูลด้านการบัญชีและการเงินสำหรับการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย

โจทย์นี้เองที่ทำให้ TSE ต้องวางแผนในการวางระบบ ERP เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะต้องใช้ในธุรกิจหลักของตนเองแล้ว การเข้าซื้อกิจการแต่ละครั้งที่แต่ละโรงงานอาจมีความแตกต่างในรายละเอียดการทำงาน หรือมีรูปแบบการผลิตไฟฟ้าด้วยแนวทางที่แตกต่างกันออกไปนี้ ล้วนเป็นปัจจัยให้ระบบ ERP ต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่ในการจัดการข้อมูลสำคัญทางธุรกิจของโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ที่เข้าซื้อกิจการมาได้อยู่ตลอด

ใช้ SAP Business One บน Cloud ตอบโจทย์ทั้ง Workflow และ Scalability รองรับธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

คุณรุ่งราวีระบุว่าในการบริหารจัดการงานด้านการบัญชีและการเงินของธุรกิจในเครือ TSE ทั้งหมดนี้จะต้องเกิดขึ้นภายในระบบของ SAP Business One ทั้งหมด โดยมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจหลายประการ

Credit: SAP

ประการแรกก็คือการที่ SAP Business One นั้นเป็นระบบ ERP ที่มีความยืดหยุ่น สามารถเสริมความสามารถใหม่ๆ ตามความต้องการของธุรกิจได้ ซึ่งสำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้มีความซับซ้อนด้านการจัดการสินค้ามากนักก็ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ส่วนเสริมอย่างเช่นการดูแลรักษาโรงไฟฟ้าและการจัดซื้อจัดจ้างจากภายนอก SAP Business One ก็สามารถถูกปรับแต่งให้รองรับกับความต้องการได้เช่นกัน

ประการถัดมาคือ SAP Business One นั้นมาพร้อมกับ Best Practice ในการบริหารจัดการส่วนต่างๆ ของธุรกิจอยู่แล้ว ดังนั้นการปรับให้ทุกโรงไฟฟ้าที่ TSE เข้าซื้อกิจการมาให้มีการทำงานตามFlow ของระบบก็จะทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้อย่างชัดเจนและโปร่งใสยิ่งขึ้น ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น และสามารถนำข้อมูลมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมยิ่งกว่าเดิม

ประการสุดท้าย ทาง TSE ตัดสินใจเลือกใช้ SAP Business One บน Cloud ทั้งหมดก็เพื่อให้ระบบนั้นสามารถถูกเข้าถึงได้จากโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างง่ายดาย และลดปริมาณงานแผนก IT ซึ่งต้องคอยดูแลระบบ ERP หรือ Data Center ในโรงงานแต่ละแห่ง ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนในการทำงานลงได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อมีการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ เข้ามา ระบบ Cloud ก็สามารถทำการเพิ่มขยายทรัพยากรและรองรับการใช้งานจากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย

ทั้งนี้คุณรุ่งราวีเองก็เคยมีประสบการณ์กับ SAP มาอย่างยาวนาน และเคยใช้งาน SAP มาตั้งแต่รุ่น R3 การตัดสินใจเลือกใช้ SAP Business One ในครั้งนี้จึงเป็นการตัดสินใจจากประสบการณ์ทำงาน เลือกใช้โซลูชั่นที่เหมาะสม ซึ่ง SAP Business One ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก และง่ายต่อการใช้งานไปจนถึงการดูแลรักษา จึงเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับ TSE ในครั้งนี้

ตัดสินใจใช้บริการให้คำปรึกษาและดูแลรักษาโดย ISS Consulting มั่นใจในฝีมือการทำงาน ปรับแต่งระบบให้รองรับต่อความต้องการในอนาคตได้

เมื่อคุณรุ่งราวีตัดสินใจได้แล้วว่าระบบ ERP ของ TSE จะต้องเป็น SAP ก้าวสำคัญของการขึ้นระบบ ERP ในครั้งนี้ก็คือการเลือก Implementer ที่เหมาะสม และ ISS Consulting ก็ได้ถูกเลือกมาให้ร่วมงานกับทาง TSE จากทั้งประสบการณ์ในการทำงานของทีมงาน ISS Consulting ที่มีมาอย่างยาวนานในการขึ้นระบบ SAP ให้ธุรกิจองค์กรทั่วไทยหลายรายมาเป็นเวลากว่า 20 ปี และสามารถให้คำปรึกษาเชิงลึกในแต่ละโมดูลการใช้งานแก่คุณรุ่งราวีได้อยู่ตลอด พร้อมให้ข้อมูลของแต่ละโซลูชั่นของ SAP ประกอบการตัดสินใจได้ จึงทำให้ TSE เลือกใช้บริการจาก ISS Consulting ในการวางระบบ ERP และดูแลรักษาต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

สำหรับในอนาคต คุณรุ่งราวีระบุว่ามีแผนที่จะนำโมดูลใหม่ๆ ใน SAP Business One มาใช้งานเพิ่มเติมสำหรับรองรับงานที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นซึ่งก็คือส่วนของ Inventory และ Warehouse สำหรับโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งที่มีกระบวนการทำงานและการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่ใช้งานตั้งแต่ตอนสร้างโรงงาน ทำให้แต่ละโรงงานนั้นต้องมีการปรับแต่งการทำงานของระบบ ERP ให้ตอบรับต่อการใช้งานในรูปแบบเฉพาะ ดังนั้นการมี Implementer ที่มีความพร้อมและมีประสบการณ์รอบด้านจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

เลือกใช้ระบบ ERP การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมนั้นสำคัญไม่แพ้เทคโนโลยี

คุณรุ่งราวีได้กล่าวสรุปถึงการพูดคุยครั้งนี้ ว่าสำหรับธุรกิจใดๆ นั้นในการขึ้นระบบ ERP การมีบริษัท Implementer ที่ดีและสามารถร่วมงานกันได้ง่ายนั้นถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กับการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีเลย เพราะ ERP นั้นเป็นระบบที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธุรกิจอยู่ตลอด และหากเลือกจากเชิงของเทคโนโลยีแล้วในภาพของผลลัพธ์ทุกระบบก็สามารถทำสิ่งที่เราต้องการได้เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยสร้างความแตกต่างได้นั้นก็คือ Implementer นั่นเอง

สำหรับในโครงการนี้ ISS Consulting ถือเป็นบริษัทที่เป็นทางเลือกที่ดี เพราะด้วยประสบการณ์การขึ้นระบบ ERP และ SAP มาอย่างหลากหลายและยาวนานนี้ ย่อมจะช่วยให้ TSE ซึ่งมีการซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้ามาบริหารอยู่ตลอดสามารถปรับให้โรงไฟฟ้าใหม่ๆ ที่เข้าซื้อกิจการมานี้ วางระบบ ERP ส่วนกลางให้รองรับต่อการเติบโตในอนาคตและปรับกระบวนการทำงานทั้งหมดของโรงไฟฟ้าที่เข้าซื้อกิจการมาสู่การใช้ SAP Business One ได้อย่างมั่นใจ


เกี่ยวกับ ISS Consulting (Thailand) Ltd.

ISS Consulting (Thailand) Ltd. เป็นพาร์ทเนอร์กับ SAP ในระดับ Platinum และ SAP Global Partner ที่สามารถให้บริการด้านการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งโซลูชั่นของ SAP อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก/กลาง/ใหญ่ ในหลากหลายอุตสาหกรรมมาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีของ SAP ครอบคลุมทั้ง SAP S/4HANA, SAP Business One, SAP Business ByDesign, C/4HANA, HRM, SAP SuccessFactors, ARIBA, SAP Concur, iRPA, SAP Analytic on Cloud, Data Warehouse, SAP Cloud Platform, SAP IBP,SAP EWM, SAP Transportation Management, SAP BPC, SAP Model Company, E-Tax Invoice & E-Receipt เป็นต้น

จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ISS Consulting (Thailand) ได้รับรางวัลระดับ Asia Pacific / Japan และรางวัล Best SAP Partner ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้เป็น Platinum Partner ของ SAP มาต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นผลลัพธ์ของความพยายามที่ทีมงาน ISS Consulting ได้ทำร่วมกันมานั่นเอง

โดยปัจจุบันนี้มีลูกค้าธุรกิจและองค์กรทั่วประเทศไทยรวมมากกว่า 250 ราย พร้อมให้บริการทั่วประเทศไทยโดยทีมงานกว่า 270 คน

ISS Consulting (Thailand) Ltd. สามารถให้บริการโซลูชั่นของ SAP ได้อย่างหลากหลายครบวงจรที่นอกเหนือจาก ERP เพื่อตอบโจทย์ของธุรกิจองค์กรในมิติใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น CRM, HRM, Budgeting and Consolidation, Analytic, Integration, Procurement, Concur, ระบบ Robotic Process Automation, Transportation Management, Extended Warehouse Management, Time and Expense Management, SAP Model Company และอื่นๆ อีกมากมายเข้ามาเติมเต็มความต้องการของธุรกิจไทย ให้การทำ Digital Transformation เป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

นอกจากนั้นแล้วในปีนี้ ISS Consulting (Thailand) Ltd.  เป็นบริษัทในกลุ่ม NTT DATA และ itelligence ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก ทำให้บริษัท มีความสามารถในการนำเสนอ SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทยในขอบเขตที่กว้างยิ่งขึ้นและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทางด้าน SAP Partner นั้น ISS Consulting (Thailand) Ltd.  ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่ม SAP Global Partner ทำให้บริษัทมีศักยภาพมากขึ้นในการนำเสนอSAPโซลูชั่นธุรกิจระดับโลก

ผู้ที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น ISS Consulting พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ISS Consulting (Thailand) ได้ที่ http://www.issconsulting.co.th/ หรือโทร 02 237 0553