STelligence ผู้ให้บริการด้าน IT ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation และเป็นผู้บุกเบิกในการบริการด้านโซลูชันเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลรายแรก ๆ ในประเทศไทย ได้เปิดตัวเทคโนโลยีด้าน Data Solutions และ Intelligence Automation เสริมความแข็งแกร่งสำหรับทุกภาคธุรกิจ รองรับเทรนด์เทคโนโลยี Digital Transformation ในปัจจุบัน ตั้งเป้าโตขึ้น 25% ในปีนี้ เล็งเข้า IPO ภายใน 2 ปี
ดร. สันติสุข ลิ้มปิติเจริญโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท STelligence จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบัน ธุรกิจต้องหันมาปรับกลยุทธ์สู่โลกดิจิทัลมากขึ้น โดย Data คือหัวใจสำคัญขององค์กรในการสร้างความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ การใช้เครื่องมือเพื่อช่วยจัดการข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพ จนถึงการจัดเก็บข้อมูลให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งหากองค์กรสามารถบริหารจัดการเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ก็จะส่งผลให้ธุรกิจได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งในตลาด และขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
ความท้าทายและเทรนด์ของ Data Transformation
ดร. สันติสุข เผยว่า ปัจจุบันเทรนด์ด้านการวิเคราะห์และการจัดเก็บข้อมูลเปลี่ยนแปลงไปตามความรวดเร็วและการพัฒนาของเทคโนโลยี ธุรกิจแต่ละแบบจึงต้องรู้จักเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรเพื่อให้สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์สูงสุด
การใช้งานด้าน Data ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะแผนก IT
เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลมากขึ้น การใช้งานข้อมูลเพื่อวางแผนธุรกิจจึงไม่ได้เป็นหน้าที่ของแผนก IT อย่างเดียวอีกต่อไป ดังนั้น เทคโนโลยีที่จะนำมาใช้สำหรับองค์กรที่เริ่มต้นทำ Data Analytics หรือยังไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้มากนัก จึงควรเป็นเครื่องมือที่สามารถทดแทนการเก็บข้อมูลในรูปแบบเดิม ๆ โดยทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูล แบ่งปันข้อมูล ทั้งยังต้องช่วยลดกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน ตลอดจนสามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นผลลัพธ์แบบอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย ถูกต้อง และตรงจุด
ความซับซ้อนของข้อมูลที่มีมากขึ้น
ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีนโยบายเรื่อง Data-Driven Organization ทำให้บุคลากรต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อน เพื่อนำมาวิเคราะห์ ‘ประกอบกัน’ ได้มากขึ้น โดยต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการข้อมูล และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเชิงลึกได้ตามรูปแบบที่ต้องการของแต่ละแผนก ช่วยให้ไม่ต้องทำข้อมูลซ้ำ อีกทั้งยังช่วยให้คนทำงาน ผู้บริหาร สามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Graph Technology
Graph Technology เป็นอีกระดับของเทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ New Data Visualization, New Database และ New Machine Learning เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถค้นหาความเกี่ยวข้องและความสัมพันธ์ของข้อมูล เพื่อนำไปสู่ use case ใหม่ ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น เช่น การป้องกัน Fraud, การให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้า และการจัดการทางด้าน Supply Chain เป็นต้น
3 โซลูชันจาก STelligence ขับเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคต
เพื่อตอบโจทย์เทรนด์และความท้าทายขององค์กรต่าง ๆ ด้าน Data ในการเสริมพลังขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กระแสดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น STelligence จึงนำเสนอเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการข้อมูลแบบครบวงจร ได้แก่
1. Analysis Process Automation (APA) หรือระบบอัตโนมัติของกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล
เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับองค์กรขนาดเล็ก หรือองค์กรที่ยังไม่เชี่ยวชาญด้าน Data Analytics มากพอ โดย STelligence ได้นำเสนอเครื่องมือ ได้แก่
- Alteryx ซึ่งครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ End-to-end ตั้งแต่การจัดเตรียมข้อมูลของ Data Engineering จนไปถึง Business Analyst ที่ต้องการหาข้อมูลเชิงลึก และทำการตัดสินใจด้วยข้อมูล อีกทั้งยังช่วยอัพสกิลความรู้ให้แก่คนทำงานผ่านเครื่องมือในรูปแบบ low-code/no code รวมถึงการใช้งานด้าน Auto Machine Learning (AutoML) ตลอดจนใช้ในการหา Insight ข้อมูลนอกเหนือจากการใช้งาน BI tool ที่องค์กรต่าง ๆใช้งานกันอย่างแพร่หลายอยู่แล้วในปัจจุบัน
- Automation Anywhere เป็นการนำโซลูชันแบบ Robotic Process Automation (RPA) ที่ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถสร้างหุ่นยนต์ หรือ Bot ขึ้นมาทำงานตามรูปแบบที่กำหนดเอาไว้ได้ เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ จากระบบแอพพลิเคชั่นทั้งในและนอกองค์กร และนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกระบวนการตัดสินใจอัจฉริยะอีกด้วย
2. Data Virtualization เป็นการต่อยอดกับ Big Data Platform ที่องค์กรขนาดต่าง ๆ ได้ลงทุนไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำข้อมูลจากหลากหลายแหล่งมาวิเคราะห์และประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ผู้วิเคราะห์ หรือระบบแอปพลิชันที่ต้องการใช้ข้อมูล สามารถเข้าถึงระบบข้อมูลแบบเสมือน ที่จะไม่เป็นการทำข้อมูลซ้ำ แต่เป็นการกำหนดโครงสร้างของการเข้าถึงข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นและมีการกำกับดูแล เมื่อต้องการเข้าถึงข้อมูลก็จะได้ข้อมูลที่มีความทันสมัยและทันท่วงที สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลขององค์กรได้ทันทีและแบ่งปันให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ โดยดึงข้อมูลมาจากแหล่งเดียว จึงช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและลดเวลาในการจัดการบริหารข้อมูล ซึ่งทาง STelligence นำเสนอบริการนี้ในระบบ Denodo ที่มีความยืดหยุ่น และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
3. Graph Technology ในฐานะที่ STelligence เป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีด้าน Data จึงได้นำเสนอ Tiger Graph และ Gemini Data ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด โดยแสดงข้อมูลด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลในแบบจุดต่าง ๆ แล้ววิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากเส้นที่เชื่อมต่อกัน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อยอดได้อีกมากมาย ทำให้เข้าถึง Insight ที่ต้องการได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงยังมีการใช้งานด้าน Machine Learning แบบใหม่บนระบบฐานข้อมูลแบบกราฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกและรวดเร็วกว่าเดิม
ดร. สันติสุข กล่าวว่า “ด้วยทั้ง 3 เทคโนโลยีดังกล่าวที่เรานำเสนอ ถือว่าเป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ครอบคลุมในด้านการบริหารจัดการข้อมูลสำหรับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญและความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งจุดแข็งของบริษัทฯ ในการนำเสนอเครื่องมือต่าง ๆ นั้นก็คือ การเลือกเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาขององค์กรได้อย่างเหมาะสม และตรงกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจ ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ สามารถส่งเสริมและต่อยอดซึ่งกันและกันได้ในอนาคต”
“จากประสบการณ์ที่มีมายาวนานกว่า 10 ปี ในวงการ Self-Service Data Analytics & Data Science ทำให้เรามีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าในธุรกิจที่แตกต่างกัน อีกทั้งเรายังพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้า ตั้งแต่การเทรนนิง การให้คำปรึกษา ตลอดจนบริหารภาวะวิกฤตแก่ลูกค้าอีกด้วย เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ถึง 25% ในปีนี้ และกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ภายใน 2 ปี” ดร. สันติสุข สรุป
สำหรับองค์กรที่มีความสนใจในด้านการทำ Data Analytics หรือต้องการคำปรึกษาสามารถติดต่อได้ที่ [email protected] หรือ https://stelligence.com/