เรื่องราวในครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับประเทศไทยที่เป็นประเทศกสิกรรม ที่ทาง ADPT จะหยิบยกเรื่องราวกรณีศึกษาของการเกษตรยุคใหม่ในบราซิลโดยคุณ Rogerio Pacheco ผู้ได้รับรางวัลฟาร์มขนาดกลางดีเด่น ในฐานะของผู้ผลิตถั่วเหลืองอันดับ 2 ของประเทศบราซิล ที่เริ่มต้นใช้รถแทร็คเตอร์ยุคใหม่ซึ่งผสานทั้งเทคโนโลยี Internet of Things, Cloud และ Big Data Analytics เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผลผลิตและการเก็บเกี่ยวมีประสิทธิภาพสูงสุด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
Precision Farming Technology: หนทางสำคัญสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตร
แนวทางของการทำการเกษตรโดยผสานเทคโนโลยีนั้นกำลังกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพื่อให้ขั้นตอนต่างๆ ในทางการเกษตรนั้นสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน อีกทั้งเกษตรกรแต่ละคนยังสามารถทำการผลิตได้มากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องแรงงานขาดแคลน, การฝึกอบรมแรงงานใหม่ หรือปัญหาหลากหลายที่เหล่าเกษตรกรในอดีตเคยเจออีกต่อไป ในขณะเดียวกันการนำเทคโนโลยีมาใช้นี้ก็ยังทำให้การประเมินค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านการเกษตรล่วงหน้ามีความแม่นยำสูงขึ้นมาก ทำให้การวางแผนการเพาะปลูกต่างๆ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
Rogerio เจ้าของฟาร์มถั่วเหลืองในบราซิลได้ออกมาให้ความเห็นว่า “ประสิทธิภาพในระดับสูง(ในการเพาะปลูก)จะเป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยเทคโนโลยีเท่านั้น ผู้คนอาจไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลงทุนในรถแทร็คเตอร์ซึ่งมีเซ็นเซอร์อินฟราเรดในตัว แต่เซ็นเซอร์เหล่านี้ก็ทำให้สามารถกำหนดปริมาณปุ๋ยที่จะใช้กับพืชแต่ละชนิดได้อย่างแม่นยำ ภายใน 2 ปีผมก็สามารถคืนทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมหาศาลแล้ว”
แน่นอนว่าเซ็นเซอร์ที่ทำการจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ก็ประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์ที่หลากหลาย พร้อมเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์เหล่านี้ไปวิเคราะห์ และตอบสนองกลับมาเป็นคำสั่งอัตโนมัติตามเงื่อนไขต่างๆ มายังรถแทร็คเตอร์ได้ด้วย
เมื่อรถแทร็คเตอร์ไม่ได้เป็นแค่รถแทร็คเตอร์ แต่มาพร้อมกับระบบจัดการข้อมูลอย่างครบวงจร
Rogerio ยังเล่าต่อด้วยว่า การลงทุนในรถแทร็คเตอร์ของเขาในครั้งนี้ไม่ได้มาเพียงแค่ตัวรถและเครื่องจักรเท่านั้น เพราะบริษัท Stara ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรการเกษตรที่กำลังผันตัวไปพัฒนาเทคโนโลยี Precision Farming ในบราซิลนั้นได้ผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปมากมาย เพื่อให้การเกษตรนั้นกลายเป็นการเกษตรสมัยใหม่ที่ใช้ข้อมูลเป็นส่วนประกอบสำคัญนั่นเอง ทำให้ Rogerio ยังได้รับชุดของบริการสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่รวบรวมได้จากรถแทร็คเตอร์ของเขาบน Cloud พร้อมสำหรับทำการวิเคราะห์ต่อไปได้อีกด้วย
รถแทร็คเตอร์ของ Stara นี้จะมีการติดตั้งเซ็นเซอร์เอาไว้ในตัว เพื่อทำการส่งข้อมูลไปยังระบบ Digital Farming Platform บน SAP HANA ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Stara และ SAP Labs Latin America เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางด้านการเกษตรได้แบบ Real-time และช่วยให้การตัดสินใจต่างๆ ทางด้านการเกษตรมีความแม่นยำสูงขึ้นจากข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งจาก Smart Phone และ Tablet จนการเกษตรได้กลายเป็นรูปแบบของ Digital ไปอย่างเต็มตัว
การนำ Internet of Things (IoT) มาใช้ในการผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรของ Stara นี้ถือว่าเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของ Stara ไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่เคยมองว่าเครื่องจักรต่างๆ และเกษตรกรนั้นเป็นคนละส่วนกัน แต่ IoT นี้เองที่ได้ทำการผสานเครื่องจักรทางการเกษตรทั้งหมดเข้าด้วยกัน และยังผสานผู้ใช้งานเข้ากับเครื่องจักรไปในเวลาเดียวกัน ทำให้ธุรกิจของเกษตรกรต่างๆ นั้นกลายเป็นผืนเดียวกับธุรกิจของ Stara เอง ซึ่ง Ecosystem นี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ Stara กับลูกค้าเท่านั้น แต่ก็ยังต้องมีผู้ให้บริการ Cloud ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้าน Big Data Analytics อย่าง SAP เข้ามาช่วยด้วย
การนำ Big Data Analytics เข้ามาผสานกับ IoT ในทางการเกษตรนี้ จะส่งผลดีด้วยกัน 3 ประการต่อการผลิต ได้แก่
- เกษตรกรสามารถทำการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ขั้นตอนจากข้อมูลที่มีอยู่
- การผลิตมีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงขึ้นในพื้นที่เท่ากัน
- สามารถทำการเพาะปลูกโดยยังใส่ใจในสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Stara สามารถศึกษาได้ที่ http://www.stara.com.br/en/produtos/precision-agriculture-en/
อ้างอิง http://news.sap.com/iots-new-constellation-of-stars/