การวางระบบ ERP ให้กับธุรกิจองค์กรนั้นก็ถือเป็นการวางรากฐานสำคัญอันหนึ่งเพื่อให้ธุรกิจขับเคลื่อนเติบโตไปได้อย่างมั่นคง แสงชัยกรุ๊ปเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจองค์กรไทยที่มีวิสัยทัศน์นี้ และตัดสินใจลงทุนในระบบ ERP ใหม่ เพื่อผนวกข้อมูลธุรกิจของบริษัทในเครือเข้าด้วยกัน เตรียมก้าวสู่การบริหารธุรกิจด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันกับบริบทของโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ในบทความนี้เราจะสรุปมุมมองและแนวคิดจากคุณสิทธิพัฒน์ อัศวนิเวศน์ ผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ และ การตลาด กลุ่มบริษัทแสงชัย ที่มาร่วมแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์กับทีมงาน TechTalkThai ในการวางระบบ ERP ของธุรกิจในเครือด้วย SAP เพื่อแก้ไขโจทย์ปัญหาทางธุรกิจหลากหลาย รวมถึงเล่าแนวโน้มธุรกิจเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับธุรกิจองค์กรอื่นๆ ในไทย
รู้จักแสงชัยกรุ๊ป ผู้นำระบบปรับอากาศ ระบบทำความเย็น ระบบส่งจ่ายไฟฟ้า เครื่องมือช่าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ถึงแม้หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของแสงชัยกรุ๊ปมาก่อน แต่หากเจาะลึกลงไปถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จากแสงชัยกรุ๊ปแล้ว เชื่อว่ารอบตัวของทุกคนนั้นจะต้องมีสินค้าจากแสงชัยกรุ๊ปเป็นเบื้องหลังอยู่ไม่มากก็น้อยโดยที่ไม่รู้ตัว
ธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ปนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2519 ในชื่อของห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงชัยอีเล็คตริค ที่มุ่งเน้นการจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายใช้ไฟฟ้าคุณภาพสูง ก่อนที่จะขยับขยายขายสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ มากขึ้นจนในปี 2527 ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด แสงชัยอีควิพเม้นท์ (1984)
ในปี 2543 ทางบริษัทก็ได้มีการขยายไปสู่การจัดจำหน่ายอุปกรณ์ห้องเย็น และก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดนี้โดยเฉพาะภายใต้ชื่อบริษัท แสงชัยรีฟรีเจอเรชั่น จำกัด จนได้ก้าวสู่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนในปี 2545 ด้วยการจัดตั้งบริษัท แสดงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด
ธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ปยังคงเติบโตมาเรื่อยๆ จนในปี 2547 ทางบริษัทก็ตัดสินใจก้าวเข้าสู่อีก 2อุตสาหกรรม ด้วยการก่อตั้งบริษัท แสงชัยพรีซิชั่น จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจในตลาดตู้ทำน้ำเย็นด้วยการสร้างโรงงานผลิตตู้ทำน้ำเย็นคุณภาพสูงเป้นของตนเอง และก่อตั้งบริษัท แสงชัยอีควิพเม้นท์ จำกัด เพื่อขยายตลาดอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า
การขยายฐานธุรกิจยังคงไม่จบลงเพียงเท่านั้น ในปี 2549 ทางบริษัทก็ได้ก่อตั้งบริษัท เอสคอร์ป จำกัดเพื่อก้าวสู่ตลาดคอมเพรสเซอร์ระบบโรตารี่ และปี 2550 ก็ก่อตั้งบริษัท เอสซีโซลูชั่น จำกัด เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าของตนเองโดยเฉพาะ
ในปี 2558 ก็ถือเป็นปีที่มีทิศทางที่น่าสนใจ กับการเปิดสาขาของบริษัทที่จังหวัดอุบลราชธานี และการลงทุนสร้างโรงงานผลิตตู้สวิทช์บอร์ดไฟฟ้าที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งภายหลังในปี 2561 โรงงานแห่งนี้ก็ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานทางไฟฟ้า IEC – 61439 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในยุโรป เปิดโอกาสให้แสงชัยกรุ๊ปสามารถก้าวสู่ตลาดระดับโลกด้วยสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในไทยได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
หากนับโดยรวมแล้ว แสงชัยกรุ๊ปนี้มีการดำเนินธุรกิจด้วยกัน 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1) อะไหล่แอร์ 2) เครื่องทำความเย็น 3) ตู้ควบคุมไฟฟ้า และ 4) เครื่องมือช่างและเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีบริษัทในเครือมากถึง 8 บริษัท จัดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 10,000 รายการจากผู้ผลิตชั้นนำมากกว่า 50 ราย โดยมีพนักงานกว่า 500 คน ให้บริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและค้าปลีก, ธุรกิจโรงแรม, ร้านอาหาร, ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม และศูนย์กระจายสินค้า เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจใหญ่รายหนึ่งที่มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตที่ชัดเจนทีเดียว
ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ป สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://sangchaigroup.com/ และติดตาม Facebook Fan Page ได้ที่ https://www.facebook.com/sangchaigroup
ธุรกิจในเครือมีหลากหลาย ต้องปรับตัวสู่การให้บริการครบวงจร ระบบ ERP จึงสำคัญ
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสงชัยกรุ๊ปนั้นได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไปของธุรกิจไทยซึ่งให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ มากยิ่งขึ้นในการลงทุนแต่ละครั้ง รวมถึงยังมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้แสงชัยกรุ๊ปต้องเริ่มมีการนำเข้าสินค้าเชิงวิศวกรรมที่ผสานนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ เข้ามาในตลาด รวมถึงยังต้องขยายฐานการบริการด้านการให้คำปรึกษาแก่ภาคธุรกิจโดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบสนองโจทย์ของธุรกิจองค์กรที่มีความซับซ้อนสูงยิ่งขึ้นให้ได้อย่างครบวงจร
ด้วยเหตุนี้เอง รูปแบบการดำเนินธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ปจึงเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ออกสู่ตลาด มาสู่การให้บริการในภาคธุรกิจมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวโน้มระดับโลกที่ธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ต้องปรับตัวไปสู่การทำ Servitization หรือการเปลี่ยนจากบทบาทของผู้ขายเพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้ให้บริการด้วยนั่นเอง
บริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ปนี้มีความครอบคลุมในทุกส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ตนเองจัดจำหน่าย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจองค์กรได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านการประยัดพลังงาน การลดมลภาวะ การตรวจสอบแก้ไขปัญหาอุปกรณ์ในระบบ และอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อธุรกิจมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจากการคว้าโอกาสใหม่ๆ และปรับตัวไปตามความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป แสงชัยกรุ๊ปเองก็ต้องมองหาแนวทางการบริหารจัดการภายในแต่ละธุรกิจให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ระบบ ERP ที่มีอยู่เดิมเองนั้นก็เริ่มไม่ตอบโจทย์ต่อรูปแบบการทำธุรกิจที่เพิ่มเติมเข้ามา และทำให้แสงชัยกรุ๊ปนั้นมองหาแนวทางการลงทุนวางระบบ ERP ใหม่ ที่จะมาตอบโจทย์ธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นทั้งสำหรับในเชิงการปฏิบัติงาน และการบริหารจัดการสำหรับผู้บริหารระดับสูง
วางเป้าหมาย Consolidate ระบบ ERP ให้เป็น SAP ทั้งเครือ ตอบโจทย์การบริหารจัดการข้อมูลธุรกิจแบบ Real-Time
เดิมทีนั้นบริษัทภายในเครือแสงชัยกรุ๊ปอาศัยทักษะ ความชำนาญ และความรอบคอบของพนักงานในการทำงานเป็นส่วนสำคัญ และยังมีงานที่ต้องบริหารจัดการหรือวางแผนแบบ Manual ค่อนข้างมาก เช่น การจัดระบบคลังสินค้าแบบ FIFO, การกำหนดโครงสร้างราคาสินค้าและบริการ ไปจนถึงการทำรายงานทางธุรกิจนั้นก็ต้องอาศัยพนักงานในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาทำการวิเคราะห์ด้วยตนเอง
การทำงานแบบ Manual นี้เองที่ก่อให้เกิดประเด็นปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น การทำงานที่ไม่เป็นมาตรฐาน, ความล่าช้าในการออกรายงาน, ความผิดพลาดในการทำงานและการจัดการข้อมูล ในขณะที่ขั้นตอนการทำงานเองก็มีความซับซ้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการวิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจนั้น ก็สามารถทำได้ยากมากในสภาวะที่ข้อมูลในธุรกิจนั้นกระจัดกระจายและไม่เป็นแบบแผน
ด้วยเหตุนี้ เป้าหมายของการเลือกใช้งานระบบ ERP ใหม่ที่จะนำมาทดแทนระบบเก่าจึงมีด้วยกัน 3 ประการหลักๆ ได้แก่
- ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management Systems) ที่รองรับการหยิบสินค้าแบบ FIFO และสามารถต่อยอดเพื่อรองรับการขายสินค้าออนไลน์ในหลายช่องทางได้
- ระบบบริหารจัดการการขาย จัดการโครงสร้างราคาขายสินค้าและบริการของแต่ละแผนกในแต่ละธุรกิจให้เป็นระบบได้
- ระบบรายงานทางธุรกิจ ที่สามารถเรียกดูรายงานได้แบบ Real-Time และผสานรวมข้อมูลของหลายธุรกิจเอาไว้เพื่อให้ผู้บริหารสามารถใช้งานได้ง่าย
แน่นอนว่าระบบ ERP ที่จะทำการเลือกมาใช้งานนี้จะต้องตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้ครบถ้วนภายในระบบเดียว เพื่อให้ในระยะยาวแล้ว แสงชัยกรุ๊ปจะสามารถใช้เทคโนโลยี ERP เดียวกับธุรกิจในเครือทั้งหมดได้ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน การดูแลรักษา และการวางแผนต่อยอดในอนาคต ซึ่งโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ก็คือโซลูชันจาก SAP นั่นเอง
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าธุรกิจองค์กรชั้นนำทั่วโลกนั้นมักเลือกใช้งาน SAP ในการบริหารจัดการธุรกิจ และแสงชัยกรุ๊ปเองก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ตัดสินใจใช้ SAP เพื่อปรับให้การทำงานของธุรกิจทั้งหมดมีความเป็นมาตรฐาน จัดการข้อมูลของธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ ลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อนลง อีกทั้งยังได้นำ Best Practice ในการจัดการธุรกิจในส่วนของ Trading จาก SAP มาปรับใช้ในธุรกิจองค์กร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
ในส่วนของการบริหารจัดการคลังสินค้า SAP เองก็สามารถปรับให้ตอบโจทย์การหยิบสินค้าได้แบบ FIFO และมีการสร้าง Batch เพื่อควบคุมการทำงานและการจ่ายสินค้าได้จากระบบให้เหมาะสมต่อการทำงานได้ทันที ในขณะที่เมื่อข้อมูลถูกรวมศูนย์เอาไว้อย่างเป็นระบบแล้ว SAP ก็สามารถช่วยแจ้งเตือนในกรณีต่างๆ อย่างเช่นเมื่อสินค้าในคลังลดลงจนถึงจุดที่กำหนดไว้ ระบบก็จะทำการแจ้งเตือนเพื่อให้สามารถสั่งซืื้อวัตถุดิบหรือผลิตสินค้าขึ้นมาได้อย่างไม่ขาดตอน เป็นต้น
แสงชัยกรุ๊ปได้เริ่มต้นการ Implement ระบบของ SAP ในธุรกิจระบบความเย็น และธุรกิจระบบปรับอากาศก่อน ด้วยการเริ่มใช้ Module หลักๆ ของธุรกิจ เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้าใจและคุ้นชินกับระบบใหม่ ก่อนที่จะค่อยๆ มีแผนต่อยอดในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการนำ Module ใหม่ๆ เข้ามาใช้งานเพิ่มเติม หรือการขยายระบบ SAP ให้ครอบคลุมธุรกิจในส่วนอื่นมากขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการภาพรวมของธุรกิจนั้นสามารถทำได้ผ่าน SAP เพียงระบบเดียวในเป้าหมายปลายทาง
เชื่อมั่นใน ISS Consulting นำประสบการณ์การวางระบบ SAP เติมเต็มธุรกิจของแสงชัยกรุ๊ป
การเลือก Implementer ที่ดีนั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำโครงการและคุณภาพของระบบที่ได้รับโดยตรง ซึ่งแสงชัยกรุ๊ปก็ตัดสินใจเลือกใช้บริการจาก ISS Consulting มาช่วยให้คำปรึกษาและวางระบบในงานนี้ เนื่องจาก ISS Consulting นั้นเป็น Partner ระดับ Platinum ของ SAP รายแรกๆ ของประเทศไทย ได้รับรางวัลมาอย่างมากมาย และมีประสบการณ์การติดตั้งระบบ SAP ให้กับธุรกิจองค์กรไทยมาแล้วมากมาย ให้คำปรึกษาได้ครบวงจรทั้งในเชิงธุรกิจ, เทคโนโลยี และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเช่นข้อกำหนดหรือกฎหมายต่างๆ
ในการทำงานร่วมกับ ISS Consulting นี้ถือเป็นการทำงานที่มีการโต้ตอบระหว่างกัน ISS Consulting ไม่เพียงแต่ระดับฟังความต้องการหรือโจทย์ของธุรกิจและนำไปออกแบบปรับแต่งระบบได้อย่างยืดหยุ่นเท่านั้น แต่หลายครั้งที่ ISS Consulting เองก็สามารถให้ความเห็นและแนะนำแสงชัยกรุ๊ปให้สามารถเลือกวางกระบวนการหรือใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาได้ รวมถึงยังสามารถดำเนินโครงการให้ลุล่วงได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้แสงชัยกรุ๊ปเองมีความประทับใจในทีมงานของ ISS Consulting เป็นอย่างมาก และเชื่อว่า ISS Consulting จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจให้กับแสงชัยกรุ๊ปได้ดียิ่งขึ้น
- แผนในอนาคตของทาง Sangchai ที่มีแนวคิดใน Products ใหม่ๆ และช่องทางการจัดจำหน่ายแบบRetails โดยใช้ระบบ SAP ช่วยสนับสนุนองค์กร
ชี้อนาคต IIoT จะมีบทบาทสำคัญต่อการผลิต ทั้งในเชิงของการเพิ่มประสิทธิภาพ และการดูแลรักษาเครื่องจักร
ในฐานะที่แสงชัยกรุ๊ปเองมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้าและเครื่องจักรเป็นของตนเอง รวมถึงมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับระบบวิศวกรรมภายในอาคารหรือโรงงานอยู่มาก จึงมองว่าเทคโนโลยีอย่าง Industrial Internet of Things หรือ IIoT นี้จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในงานระบบวิศวกรรม
ในการประยุกต์ใช้งานกับระบบวิศวกรรมภายในอาคาร IIoT จะช่วยให้การติดตามข้อมูลทั้งหมดเกิดขึ้นได้แบบ Real-Time และสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องจักรหรือระบบต่างๆ จากระยะไกลได้ อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปสู่ภาพของ Smart Building หรือ Smart Factory ด้วยการทำ Automation ได้หลากหลายรูปแบบ ในขณะที่การดูแลรักษาอุปกรณ์เหล่านี้ก็สามารถทำได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการแจ้งเตือนเมื่อระบบมีปัญหาหรือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหา ช่วยเสริมภาพของแสงชัยกรุ๊ปที่ต้องการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ตลาด และขยายตลาดด้านการบริการให้เติบโตได้เป็นอย่างดี
ในแง่ของการดูแลรักษาเครื่องจักรภายในโรงงาน IIoT เองก็มีบทบาทเป็นอย่างมากในการทำ Preventive Maintenance ที่จะช่วยให้การดูแลรักษาเครื่องจักรที่มีราคาสูงและมีความสำคัญต่อสายการผลิตนั้นเป็นไปได้ในเชิงรุก ลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นในสายการผลิตลงได้ อีกทั้งยังเพิ่มอายุการใช้งานให้กับเครื่องจักร ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาวได้เป็นอย่างดี
เกี่ยวกับ ISS Consulting (Thailand) Ltd.
ISS Consulting (Thailand) Ltd. เป็นพาร์ทเนอร์กับ SAP ในระดับ Platinum และ SAP Global Partner ที่สามารถให้บริการด้านการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งโซลูชั่นของ SAP อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นระบบ ERP สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก/กลาง/ใหญ่ ในหลากหลายอุตสาหกรรมมาเป็นเวลากว่า 21 ปี โดยปัจจุบันนี้มีลูกค้าธุรกิจและองค์กรทั่วประเทศไทยรวมมากกว่า 250 ราย พร้อมให้บริการทั่วประเทศไทยโดยทีมงานกว่า 300 คน
นอกจากนั้นแล้วในปีนี้ ISS Consulting (Thailand) Ltd. เป็นบริษัทในกลุ่ม NTT DATA และ itelligence ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก ทำให้บริษัท มีความสามารถในการนำเสนอ SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทยในขอบเขตที่กว้างยิ่งขึ้นและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทางด้าน SAP Partner นั้น ISS Consulting (Thailand) Ltd. ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่ม SAP Global Partner ทำให้บริษัทมีศักยภาพมากขึ้นในการนำเสนอSAPโซลูชั่นธุรกิจระดับโลก
———————-
ผู้ที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับเรื่อง SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้นISS Consulting พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ ISS Consulting (Thailand) โทร 02 237 05553 หรือ
- Website: bit.ly/33kqepj
- Facebook: bit.ly/2PjcJOw
- Instagram: bit.ly/2Dai5ZS
- YouTube: bit.ly/2PlFytt