ท่ามกลางภาวะฉุกเฉินที่ทุกหน่วยงานภาครัฐและทุกธุรกิจองค์กรต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนนั้น การมีผู้ให้บริการเทคโนโลยีที่มีความพร้อมด้านทรัพยากร อุปกรณ์ และทีมงานที่จะมาช่วยตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้อย่างทันท่วงทีนั้นถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญ และ AIS ก็พร้อมตอบโจทย์นี้ให้กับทุกธุรกิจองค์กรไทยแล้ว ไม่ว่าจะด้วยระบบโครงข่าย 5G, Cloud Contact Center และโซลูชัน IoT รูปแบบต่างๆ
กรณีศึกษาที่เราจะนำมาเล่าสู่กันฟังในครั้งนี้ ก็คือการที่ AIS Business ได้เข้าไปร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปเสริมให้กับอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ เพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วย และโรงพยาบาลสนามบุษราคัม ภายในอิมแพค เมืองทองธานี สำหรับควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้กันอย่างเร่งด่วนนั่นเอง
การสู้กับโควิด-19 คือการแข่งกับเวลา
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปี 2564 นี้ถือว่ามีความรุนแรงและรวดเร็วยิ่งกว่าในปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ทั้งด้วยจำนวนของผู้ติดเชื้อที่มีมากขึ้น และความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อภาคส่วนต่างๆ ดังนั้นการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบนี้ ความรวดเร็วในการดำเนินการจึงถือเป็นหัวใจสำคัญ
ในการเปลี่ยนอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติให้กลายมาเป็นศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วย และพื้นที่อิมแพคให้กลายเป็นโรงพยาบาลสนามบุษราคัมนั้น สิ่งที่จำเป็นไม่ได้มีเพียงอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ระบบกลางสำหรับการติดต่อสื่อสารให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมนั้นก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ และประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างคล่องตัว เพื่อลดปริมาณผู้ป่วยตกค้างที่ต้องรอการประสานงานให้ได้เร็วที่สุด
สร้างระบบ Call Center เร่งด่วนจำนวน 50 คู่สาย ให้การสื่อสารสามารถเกิดขึ้นได้ทันเวลา
โจทย์แรกที่สำคัญนั้นก็คือการวางระบบ Hotline Call Center ในแบบ Fixed Line จำนวน 40 คู่สายที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ รองรับระบบ PBX สำหรับบริหารจัดการระบบโทรศัพท์เหล่านี้ เพื่อให้การประสานงานผ่านโทรศัพท์นั้นเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น ให้เจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์เริ่มทำงานได้ทันที ในโจทย์นี้ทาง AIS สามารถตอบสนองได้ด้วยการนำบริการ AIS Corporate Fixed Line เชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์ของ AIS เข้ากับระบบ PBX ใหม่ภายในพื้นที่ทันที เพื่อสร้างเป็น Hotline ฉุกเฉินในเบอร์ 02-079-1000 พร้อมให้บริการแก่เจ้าหน้าที่ในศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วยในระยะเวลาอันสั้น
สำหรับที่โรงพยาบาลสนามบุษราคัม อิมแพค เมืองทองธานีนั้น ทาง AIS ได้นำระบบ Cloud Contact Center เต็มรูปแบบ พร้อมระบบ IP Phone จำนวน 10 คู่สายสำหรับเบอร์ 02-029-1611 เพื่อให้โรงพยาบาลสนามแห่งนี้สามารถเริ่มต้นให้บริการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการติดตั้งระบบ PBX ใดๆ เพิ่มเติม เนื่องจากระบบดังกล่าวเป็นระบบ Infrastructure ที่อยู่บน Cloud ของ AIS และมีฟังก์ชัน Call Center ครบวงจร เพียงแค่มีโทรศัพท์ IP Phone หรือจะทำงานผ่านแอพพลิเคชันที่ติดตั้งบนมือถือก็เพิ่มความสะดวกไปอีกขั้นให้เจ้าหน้าที่ในการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
หัวหน้าทีมโรงพยาบาลสนามบุษราคัมสามารถบริหารจัดการเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่โทรออกหรือรับสายทั้งหมดได้จากศูนย์กลาง พร้อมระบบ Agent Matching ที่ช่วยให้ลูกค้าได้สนทนากับเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับปัญหา, มีระบบ Silent Monitor และ Whisper เพื่อให้ Supervisor ที่ดูแลทีมงานสามารถติดตามและให้คำแนะนำแก่ Agent ได้ในระหว่างการสนทนา, พร้อมรายงานประสิทธิภาพการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และระบบ Call Survey เพื่อสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าได้
นอกจากนี้ในกรณีที่โรงพยาบาลต้องการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ Customer Relationship Management (CRM), Business Application, Business Database หรือ Ticketing System ต่างๆ เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติปัญหาต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพของทีมงาน ระบบ Could Contact Center นี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับระบบของผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกต่างๆ ได้ เช่น Microsoft, Oracle, SAP, Salesforce, Sage, Siebel, Solarwinds เป็นต้น
เสริมระบบ NB–IoT Motor Tracker ติดตามรถสำหรับรับส่งผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที
อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้การดำเนินการและประสานงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ก็คือการติดตามรถรับส่งผู้ป่วยจำนวน 40คันที่ใช้กับกรณีของศูนย์แรกรับและส่งต่อผู้ป่วย อาคารนิมิบุตร ให้ได้ในแบบ Real-time เพื่อให้การวางแผนและการสื่อสารนั้นมีข้อมูลที่ครบถ้วน เกาะติดทุกสถานการณ์สำคัญได้อยู่เสมอ แต่ปัญหาที่ต้องเผชิญนั้นก็คือการที่รถ 40 คันนี้ล้วนเป็นรถที่เปิดรับมาจากอาสาสมัครแหล่งต่างๆ ดังนั้นรถเหล่านี้จึงไม่ได้มีระบบติดตามข้อมูลตำแหน่งมาด้วย
ในโจทย์นี้ AIS Business ได้นำโซลูชัน NB-IoT Motor Tracker ที่สามารถติดตั้งใช้งานได้อย่างง่ายดายบนรถทุกรุ่น เข้าไปเสริมให้กับรถของอาสาสมัครเหล่านี้ทันที เพียงต่ออุปกรณ์ tracker นี้เข้ากับช่อง USB (หรือที่จุดบุหรี่) ของรถยนต์ อุปกรณ์นี้จะนำข้อมูลตำแหน่ง GPS ของรถคันนั้นส่งผ่านเครือข่าย NB-IoT ไปยังระบบแอพพลิเคชันกลางที่มี dashboard แสดงตำแหน่งของรถแต่ละคันได้ในทันที
AIS Business พร้อมเป็นผู้ช่วยให้ธุรกิจของคุณปรับตัวได้อย่างเร่งด่วนได้ด้วยทุกเทคโนโลยี
ถึงแม้กรณีศึกษานี้จะเป็นมุมมองของการที่ AIS ได้เข้าไปช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐ แต่ในเวลานี้ธุรกิจเอกชนหลายแห่งเองก็ต้องเผชิญกับโจทย์ที่ไม่ต่างกันมากนัก คือการเร่งวางระบบสำหรับการติดต่อสื่อสารเพื่อให้ลูกค้ายังคงมีช่องทางในการติดต่อเข้ามาได้ และสามารถดำเนินธุรกิจในแบบเว้นระยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าผ่านช่องทาง Delivery หรือ E-Commerce ไปจนถึงการปรับรูปแบบการทำงานจากการพบปะให้บริการลูกค้าโดยตรง มาสู่การให้บริการผ่านทางโทรศัพท์และบนโลกออนไลน์แทน
AIS Business มีบริการ Cloud Contact Center และ Digital Services ต่างๆ ครบวงจรตั้งแต่การให้คำปรึกษา, การออกแบบระบบ, การย้ายระบบ, การติดตั้งระบบใหม่ และการฝึกอบรมพนักงาน ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ไม่สะดุด ด้วยการทำงานในรูปแบบใหม่ในยุค New Normal รวดเร็ว ง่ายดาย ในค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า
สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันระบบ Cloud Contact Center และ NB-IoT Motor Tracker สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business ได้ที่ AIS Business Call Center 1175 หรืออีเมล์ [email protected] และเจ้าหน้าที่เอไอเอสที่ดูแลองค์กรของท่าน
ศึกษารายละเอียดบริการเพิ่มเติม
- Cloud Contact Center คลิก https://business.ais.co.th/solution/cloud-contact-center.html
- NB-IoT Motor Tracker คลิก https://business.ais.co.th/solution/nb-iot-motor-tracker.html