ในสถานการณ์ตลาดปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตต่างเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายอย่างอันเนื่องมาจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น คำขอมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาและความจำเป็นในการตอบสนองผู้มีอำนาจตัดสินใจที่เกี่ยวข้องในการสั่งซื้อสินค้า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การนำโซลูชัน E-commerce มาใช้โดยอุตสาหกรรมผู้ผลิตนั้นได้พัฒนาขึ้นจากการเป็นแค่แพลตฟอร์มปิดดีลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ผันตัวกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ดึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้มาอยู่ในห่วงโซ่นี้
โซลูชัน E-commerce แบบบูรณาการที่เหมาะสมย่อมประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการสั่งซื้อ มีกระบวนการสั่งซื้อที่คล่องตัว และมีตัวเลือกการขนส่งที่หลากหลาย ดังนั้น ธุรกิจจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำโซลูชัน E-commerce แบบบูรณาการสมัยใหม่มาใช้ในการแข่งขันกับบริษัทผู้ผลิตรายอื่นที่เติบโตจากการใช้วิธีการทำธุรกิจในแบบเดียวกัน
ประโยชน์ที่เหนือกว่าจากการเลือกโซลูชัน E-commerce แบบบูรณาการ (Integrated E-commerce) ที่ใช่สำหรับผู้ผลิตมีอะไรบ้างนั้น พบคำตอบได้ในบทความนี้
เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ
ประสิทธิภาพคือประโยชน์ประการแรกที่ผู้ผลิตจะได้จากการบูรณาการแพลตฟอร์ม E-commerce เข้ากับแอปพลิเคชัน Back-end และระบบอย่าง ERP เพราะลูกค้าสามารถสั่งสินค้าออนไลน์ได้สะดวก ทำให้บริษัทหันไปมุ่งเน้นกับการมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น แทนที่จะเสียเวลาไปกับการซิงโครไนซ์ข้อมูล
ส่วนสำคัญของขั้นตอนการสั่งซื้อคือ คอยอัปเดตรายการสินค้าอยู่เสมอ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของธุรกิจ ลูกค้าก็หาสินค้าที่ตรงใจได้โดยไม่ยุ่งยาก และเมื่อระบบส่งข้อมูลได้อัตโนมัติ ก็ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้จากคน ปรับกระบวนการขนส่งให้ดีขึ้น และสร้างยอดจำหน่ายสินค้าจริงได้ด้วย
ขยายการเข้าถึงลูกค้า
โซลูชัน E-commerce แบบบูรณาการที่เหมาะสมนั้นช่วยให้ผู้ผลิตเข้าถึงลูกค้าแบบ B2B ได้อย่างราบรื่นผ่านทางแคตตาล็อกรายการสินค้าบนหน้าเว็บ E-commerce แบบ B2B ซึ่งเป็นวิธีการที่ทรงพลังและสร้างผลกำไรแก่ผู้ผลิตในการติดต่อกับผู้ซื้อยุคใหม่ที่นิยมการชอปออนไลน์ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จาก SEO (Search Engine Optimization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาสินค้าร่วมกับการใช้งาน E-commerce แบบบูรณาการ โดยสามารถสร้าง Google sitemap, URL ที่ช่วยค้นเจอได้ง่าย และเขียน URL ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ผลิตปรับหน้าเพจสินค้าให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหา (Search engines) และทำให้ผู้ซื้อพบเจอสินค้าในหน้าค้นหาได้เร็วขึ้น รวมไปถึงการดึงลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บด้วย
เพิ่มโอกาสการรักษาลูกค้า
ผู้ผลิตสามารถเพิ่มรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทาง E-commerce ได้ถึง 25-95% หากโฟกัสไปที่การเพิ่มการรักษาลูกค้าไว้ที่ 5% โดย E-commerce แบบบูรณาการช่วยขจัดจุดบอดต่าง ๆ ในข้อมูลของบริษัทด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพควบคู่กันแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ผลิตยังคงรักษาลูกค้าเก่าได้ดีกว่าเดิมจากการระบุปัญหาที่กระทบต่อรายได้ การนับจำนวนผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบ และการใช้ข้อมูลที่มีมูลค่าในส่วนของผู้ใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยผู้ผลิตในการระบุ แก้ไขปัญหาจุดบกพร่อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้อีกด้วย
เร่งยอดขาย
โซลูชัน E-commerce แบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ช่วยให้ผู้ผลิตเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้ผลิตได้ใช้โปรแกรมแนะนำการขายต่อยอดและการขายต่อเนื่องแบบอัตโนมัติได้อย่างราบรื่นลงตัว เพราะด้วยโปรแกรมแนะนำประเภทนี้เอง ผู้ผลิตก็สามารถแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องแก่ผู้ซื้อที่เข้าเยี่ยมชมหน้าร้านออนไลน์ ดึงดูดส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าลักษณะเดียวกันด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับคุณสมบัติที่ดีขึ้นด้วย
สร้างความพึงพอใจของลูกค้า
ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครซื้อสินค้าจากผู้ผลิตที่ละเลยความรู้สึกของลูกค้าเอง ทุกวันนี้ลูกค้าต้องการสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งมาเฉพาะตัว และผลิตมาในจำนวนไม่มาก การใช้แพลตฟอร์ม E-commerce แบบบูรณาการที่แข็งแกร่งสามารถดำเนินการตามคำสั่งต่าง ๆ ของลูกค้าบนออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติ เมื่อลูกค้ารู้สึกพึงพอใจต่อการสั่งซื้อ ก็ทำให้เกิดการกลับมาซื้อซ้ำได้อีกเช่นกัน
บทสรุป
อย่าปล่อยให้โซลูชัน E-commerce ที่ไร้ประสิทธิภาพมาขัดขวางการเติบโตของธุรกิจคุณ เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่เสียไป แพลตฟอร์ม E-commerce ต่าง ๆ ที่เข้ามาล้วนให้ความสำคัญกับความเร็ว ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ถ้าเลือกใช้โซลูชัน E-commerce ที่เหมาะสม ประโยชน์ที่ได้ไม่ใช่แค่ดังที่กล่าวไปข้างต้น แต่จะมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งในท้องตลาดอีกด้วย