Niantic บริษัทผู้พัฒนาเกมยอดฮิตอย่าง Pokémon GO กำลังประสบปัญหาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเฉกเช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่บริษัทเองก็กำลังพัฒนาเมตาเวิร์สโลกจริง (The real-world metaverse) อยู่ ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจปลดพนักงานออก 8% กระทบพนักงานราว 85-90 คน
John Hanke CEO ประจำ Niantic ได้ระบุในอีเมลแจ้งถึงพนักงานว่า บริษัทกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ และได้ลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ แล้ว แต่ Niantic จำเป็นต้องปรับแผนการดำเนินงานให้คล่องตัวยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทฝ่าวิกฤติรับมือกับพายุเศรษฐกิจที่อาจรออยู่ข้างหน้า
Niantic ได้ยกเลิก 4 โปรเจกต์ที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ Heavy Metal, Hamlet, Blue Sky และ Snowball ซึ่ง Heavy Metal เป็นเกม Transformers ที่ Niantic ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว และได้เข้าสู่การทดสอบขั้นเบต้าแล้วด้วย ส่วน Hamlet เป็นโปรเจกต์ความร่วมมือกับบริษัทโรงละครเบื้องหลัง “Sleep No More”
Niantic ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 เป็นที่ลือชื่อเรื่องการสร้างเกมแนว AR ที่ผสมผสานอินเทอร์เฟซแบบดิจิทัลเข้ากับโลกจริงผ่านกล้องของผู้เล่น และในปี 2016 เกม Pokémon GO ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ ด้วยยอดดาวน์โหลดมากกว่า 1 พันล้านครั้ง และสร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี แถมทำเงินได้เร็วถึง 500 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงแค่สองเดือนแรกเท่านั้น นับว่าเป็นเกมโมบายล์ที่เติบโตเร็วที่สุดที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ดี ความสำเร็จครั้งนั้นก็ยากที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกกับโปรเจกต์อื่น ๆ อย่างเกม Harry Potter: Wizards Unite ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2019 กลับไม่ติดตลาดและได้ปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง
ด้วยสภาพการณ์ดังกล่าว บริษัทจึงได้ตัดสินใจหยุดพัฒนาโปรเจกต์บางชิ้น และลดจำนวนพนักงานราว 8% โดยจะยังคงให้ความช่วยเหลือแก่พนักงานให้ผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากนี้ไป