โดยทั่วไปเมื่อเรานึกถึง Internet of Things หรือ IoT นั้น เรามักนึกถึงการนำไปใช้ในวงการ Supply Chain เป็นลำดับแรกๆ เพื่อใช้ในการติดตามการขนส่งสินค้าต่างๆ แต่ในความเป็นจริงนั้น อนาคตของวงการ Supply Chain นั้นคือการผสานกันระหว่าง 4 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ Robot, IoT, AI และ Big Data เข้าด้วยกัน โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดตัวอย่างหนึ่งก็คือ Ocado ธุรกิจ Online Supermarket สัญชาติอังกฤษนั่นเอง
Ocado กับการพัฒนาระบบ Automated Warehouse System
เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา Ocado ได้ออกมาเปิดเผยถึงระบบ Automated Warehouse System หรือระบบ Warehouse อัตโนมัติเพื่อใช้ในการจัดส่งสินค้าต่างๆ แบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกเหล่าธุรกิจ Retail ทั่วโลกมาติดต่อขอซื้อไปใช้งาน จากความโดดเด่นที่ได้นำเอาเทคโนโลยีที่ถือเป็นดาวเด่นของทศวรรษนี้อย่าง Robot, IoT, AI และ Big Data มาใช้อย่างครบถ้วน เพื่อให้ธุรกิจทั้งหมดดำเนินไปได้อย่างเป็นอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง
Warehouse ของ Ocado นั้นถูกดำเนินการโดยหุ่นยนต์ 1,000 ตัวที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านรางสำหรับใช้หยิบจับสินค้า เพื่อบรรจุสินค้าใหม่ๆ ลงไปภายใน Warehouse รวมถึงนำสินค้าออกจาก Warehouse เพื่อจัดส่งไปยังบ้านของผู้ซื้อได้ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ก็มีการจัดเก็บข้อมูลเอาไว้สำหรับนำไปเรียนรู้ด้วยการทำ Machine Learning รวมถึงนำมาแสดงผลด้วยระบบ Data Visualization และปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของส่วนประกอบต่างๆ ที่ควรจะปรับปรุงบนหุ่นยนต์แต่ละตัว, วิธีการสื่อสารกันระหว่างหุ่นยนต์ ไปจนถึงภาพรวมในการทำงาน
เมื่อสินค้าต่างๆ ถูกหุ่นยนต์นำไปส่งบนรถยนต์แล้ว รถยนต์เหล่านั้นก็จะเดินทางไปยังที่หมายถึงนำส่งสินค้าต่างๆ พร้อมทั้งมีการส่งข้อมูล GPS เพื่อนำไปวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อเฟ้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด และจัดเก็บสถิติต่างๆ เอาไว้เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์และปรับปรุงการขนส่งในอนาคตให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ocado ได้ที่ https://www.ocado.com
GateHouse กับการเป็นตัวกลางระบบข้อมูล Logistics เพื่อเสริมระบบ Planning ของธุรกิจ Retail โดยเฉพาะ
อีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจก็คือเรื่องราวของ GateHouse ธุรกิจที่ทำหน้าที่ลดความซับซ้อนของระบบ Tracking System ที่มีการใช้งานภายในวงการ Logistics ให้มีความซับซ้อนน้อยลง เพื่อให้เหล่าธุรกิจ Retail สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนงานในแต่ละวันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
ปัญหาที่ GateHouse พยายามแก้ไขนั้น คือปัญหาที่มาพร้อมกับการมาอย่างรวดเร็วของ IoT ภายในธุรกิจขนส่ง ที่เหล่าผู้ให้บริการแต่ละรายนั้นต่างก็เลือกใช้ Tracking System ที่แตกต่างกัน ทำให้เหล่าธุรกิจค้าปลีกนั้นต้องพบกับความยากลำบากในการ Integrate ข้อมูลของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าเข้าด้วยกัน ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ Tracking System ของผู้ให้บริการบางรายนั้น ไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบภายนอกได้
GateHouse ธุรกิจ Software สัญชาติเดนมาร์กจึงได้อาสาเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลของธุรกิจ Logistics เหล่านี้ให้ทั้งหมด เพื่อให้เหล่าธุรกิจ Retail สามารถนำไปใช้งานได้อย่างง่ายดายที่สุด โดยที่ข้อมูลเหล่านี้ต้องมีความถูกต้อง, เป็นกลาง และมีความเป็นส่วนตัวสำหรับเหล่าธุรกิจ Retail ที่นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งาน ซึ่งความยากของระบบนี้ก็คือการที่ต้องทำให้ธุรกิจ Logistics และธุรกิจ Retail ทั้งหมดเชื่อมั่นใน GateHouse ผู้ที่จะมาเป็นตัวกลางในครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งก็ถือว่าโชคดีที่ GateHouse เป็น Software House ที่พัฒนาระบบลักษณะนี้มาอยู่แล้วอย่างยาวนาน จนเป็นที่รู้จักในวงกว้างของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูล Tracking System จาก GateHouse นี้ทำให้เหล่าธุรกิจค้าปลีกสามารถทราบถึงข้อมูลการขนส่งสินค้าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตนได้ในแบบ Real-time พร้อมมีระบบ Alert เมื่อสินค้าใกล้จะไปถึงจุดหมาย ระบบนี้ทำให้ธุรกิจค้าปลีกลดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารกับเหล่าธุรกิจขนส่งได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้การวางแผนจัดการห้างร้านในแต่ละวันเป็นไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในขณะที่ทั้งธุรกิจขนส่งและธุรกิจค้าปลีกเหล่านี้ก็จะมีข้อมูลในการดำเนินงานเชิงลึกเหล่านี้ เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงการทำงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้นได้ในอนาคตอีกด้วย
ลองทำความรู้จักเพิ่มเติมกับ GateHouse ได้ที่ https://gatehouse.dk/
อนาคตของการติดตามสินค้าบน Shelf และลูกค้าภายในร้านค้าแบบ Real-time
สำหรับในอนาคต การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปใช้งานภายในตัวร้านค้านั้นก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น
- การติดตามสินค้าภายในชั้นวางแบบ Real-time ด้วย RFID หรือ IoT เพื่อแจ้งเตือนให้มีการเติมสินค้าหรือให้หุ่นยนต์เข้ามาเติมสินค้าโดยอัตโนมัติ
- การติดตามพฤติกรรมของลูกค้าด้วยกล้องวงจรปิดที่มีระบบ Video Analytics หรือ AI เพื่อวิเคราะห์ว่ามีลูกค้าที่มี Profile แบบใด (เพศ, อายุ, การมาเป็นกลุ่ม, และอื่นๆ) กำลังเลือกซื้อสินค้าแบบใด ด้วยอารมณ์แบบไหน ในบริเวณใดของร้าน ไปจนถึงการระบุเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น การขโมยของ, การทะเลาะวิวาท และอื่นๆ เพื่อให้พนักงานสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที และสามารถนำข้อมูลไปใช้ปรับปรุงการจัดวางสินค้าในอนาคตได้
จะเห็นได้ว่าข้อมูลนั้นได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไปถึงธุรกิจขนส่งด้วย และเทคโนโลยีอย่าง IoT ก็จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ ในขณะที่ Robot เองก็จะเป็นพระเอกในเรื่องของการทำ Automation โดยมี AI และ Big Data Analytics สำหรับตอบโจทย์ทางด้านการทำ Optimization นั่นเอง