ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยความสามารถในการเรียนรู้เพื่อคิดวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ จนถึงขั้นเรียนรู้เข้าใจผ่านข้อมูลภาพและวิดีโอจากการมองเห็นผ่านกล้องด้วยเทคโนโลยี AI Vision ซึ่งในปี 2021 มีการวิเคราะห์ว่า เทคโนโลยี AI Vision จะถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อทดแทนแรงงานคนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ
AIS จึงได้ร่วมกับ Gorilla Technology Group ในการพัฒนาและนำเสนอโซลูชันที่ใช้ความสามารถของ AI Vision ร่วมกับ Edge Computing มาปรับใช้เพื่อทรานส์ฟอร์มการดำเนินงานและการทำธุรกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีก พร้อมนำเสนอตัวอย่างการใช้งานจริงที่ตอบโจทย์การประยุกต์ใช้ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ลูกค้าทางการตลาด
AI-Vision คืออะไร?
ก่อนที่จะมาทำความรู้จักกับ AI-Vision นั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า AI คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้และทำงานแทนมนุษย์ ซึ่งผ่านการกำหนดและการสอนโดยมนุษย์ จากนั้นจึงสามารถทำงานเองโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งในปัจจุบัน มีการนำ AI มาใช้งานในหลากหลายรูปแบบ อาทิ Siri ที่โต้ตอบกับมนุษย์ได้ด้วยภาษาที่มนุษย์เข้าใจ หรือการทำงานในเชิงลึกอย่างระบบจัดการอีเมลสแปมของ Gmail ที่คัดแยกอีเมลสแปมออกไป
แต่ในอดีต AI มีข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถเข้าใจข้อมูลภาพและวิดีโอได้ เพราะเป็นข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เทคโนโลยี AI ในการประมวลผลระดับสูง จึงมีการฝึก AI ให้สามารถมองเห็นได้แบบมนุษย์ผ่านกล้อง จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี AI Vision หรือระบบวิทัศน์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจสิ่งที่เห็น ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ อีกทั้งยังตอบสนองได้รวดเร็วแบบอัตโนมัติอีกด้วย
จาก Cloud สู่ Edge: ประมวลผลเร็วขีดสุด เสริมสมรรถภาพ AI
อย่างไรก็ดี AI มีข้อจำกัดการใช้งานเรื่องต้นทุนของเทคโนโลยี AI ที่สูง จึงไม่สามารถกระจายการใช้งานไปได้อย่างแพร่หลาย แม้จะแก้ปัญหาด้วยการรวมศูนย์การประมวลผลอยู่บนระบบคลาวด์ที่เรียกว่า Cloud AI แล้ว แต่วิธีการนี้มีข้อเสียคือ AI ตอบสนองต่อการประมวลผลได้ช้า ทำให้ไม่นิยมนำมาใช้งาน
เพื่อเป็นการลดการจัดการต้นทุนและลดระยะเวลาในการประมวลผล จึงมีการออกแบบแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Edge Computing หรือระบบประมวลผลขนาดเล็กที่กระจายความสามารถของคอมพิวเตอร์ไปประมวลผลในตำแหน่งที่ใกล้กับข้อมูลที่ต้องการประมวลผลได้ ทำให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติ

และเมื่อรวมพลังของ AI Vision เข้ากับ Edge Computing จนกลายมาเป็น Edge AI Processing แล้ว ก็ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น โดยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำและลดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ผ่านระบบอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง และเป็นการลดต้นทุนของระบบประมวลผลแบบ AI ดั้งเดิม
เมื่อนำมา Edge AI Processing มาใช้งานร่วมกับธุรกิจ ก็จะช่วยให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการจัดการบริหารธุรกิจ การจัดการทรัพยากรบุคคล เพิ่มการตอบสนองต่อสถานการณ์ และปรับให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
AI Vision ครองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ในปี 2021 มีการวิเคราะห์ว่า เทคโนโลยี AI Vision จะถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย อาทิ การตรวจสอบการสวมชุดความปลอดภัยก่อนเข้าพื้นที่เสี่ยงของพนักงาน การตรวจสอบกล่องสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตสินค้า การตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร การวิเคราะห์การจราจรบนถนน เป็นต้น

ตัวอย่างการนำ AI Vision ไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
- อุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail Business)
อุตสาหกรรมค้าปลีกมีการแข่งขันเชิงข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า มีความต้องการเข้าใจลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ จึงต้องการนำ AI Vision มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด หรือจัดการรูปแบบการให้บริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถนำ AI Vision มาใช้งานในกลุ่มลูกค้าปลีกที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก ประมวลผลกล้องวงจรปิดในร้านค้า ข้อมูลการเลือกใช้บริการและการทำงานของพนักงานได้
ด้วยข้อได้เปรียบของ AI Vision ที่สามารถกระจายผ่าน Edge Computing ไปยังสาขาในภูมิภาคนั้น ก็ทำให้ได้ข้อมูลเข้ามายังส่วนกลางได้แบบเรียลไทม์ แล้วสามารถนำข้อมูลแบบครบวงจรมาบูรณาการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการค้าได้อย่างรวดเร็ว
- อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property)
อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยผ่านระบบ Video Surveillance ที่กระจายกล้องไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แต่ปัญหา คือ การบริหารจัดการกล้องที่มีจำนวนมาก ความเหนื่อยล้าของพนักงาน จำนวนพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Video Surveillance ต่ำ
AI Vision ก็ช่วยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบ Video Surveillance ได้ในการแยกแยะสถานการณ์ที่มีโอกาสทำให้เกิดปัญหา อาทิ การแยกแยะใบหน้าผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก การแจ้งเตือนเมื่อมีผู้ต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม การตรวจสอบเมื่อมีการบุกรุกในช่วงเวลาหลังเลิกงาน การแยกแยะวัตถุที่มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การตรวจจับวัตถุไวไฟที่วางไว้ใกล้ถังแก๊สหุงต้ม
ทั้งหมดนี้สามารถนำมาทดแทนหรือเสริมการทำงานของระบบความปลอดภัยดั้งเดิมที่อาศัยเจ้าหน้าที่พนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยในห้องควบคุมกล้องวรจรปิด ซึ่งพนักงานอาจมีข้อจำกัดในการตรวจสอบความผิดปกติของภาพที่ผ่านเข้ามาในกล้องได้
AIS x Gorilla ผนึกกำลังนำเสนอโซลูชัน Edge AI Computing บนเครือข่าย 5G
AIS ร่วมกับ Gorilla Technology ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Edge AI ในการนำเสนอโซลูชัน Edge AI เพื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
จุดเด่นของ Gorilla Edge AI คือ เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบ Appliance ขนาดเล็กแต่ยังคงเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการประมวลผลวิดีโอและออกผลวิเคราะห์ได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ สามารถติดตั้งได้ง่ายในพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน ทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่แล้วได้ทันที โดยรองรับทั้งการทำงานในการตรวจสอบพฤติกรรมและบุคคล อีกทั้งสามารถนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือจากการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ด้วยผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดยเน้นการออกแบบให้ราคาสมเหตุสมผล ยืดหยุ่นปรับใช้ได้ตามขนาดที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังรองรับการติดตั้งใน 5G MEC (Multi-Access Edge Computing) ของ AIS ในกรณีที่ต้องการกระจายการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานในระดับมหภาคได้อีกด้วย

ทั้งนี้ Gorilla Vision AI มีหลายเวอร์ชันรองรับการนำไปใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่
- Behavior Analytics สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรม เช่น การนับจำนวนคน การตรวจดูกลุ่มฝูงชน การตรวจจับการบุกรุก การตรวจคนเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม การตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจก่อให้เกิดอันตราย การตรวจคาดการณ์ทิศทางเดิน
- Human Analytics เน้นการตรวจจับใบหน้า ตรวจจับบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ การรู้จำใบหน้า เหมาะสำหรับการนำไปใช้ด้านความปลอดภัย การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า หรือแม้แต่การประยุกต์ใช้งานในช่วง COVID-19 เช่น การตรวจสอบผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนเข้าอาคารหรือในพื้นที่สาธารณะ การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนแม้ยังสวมใส่หน้ากากอยู่

ความพิเศษอย่างหนึ่งจากความร่วมมือของ Gorilla กับ AIS ก็คือ การผนวกรวมเทคโนโลยี Gorilla Vision AI ทั้งสองรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นมานำเสนอออกสู่ตลาด ซึ่งทาง AIS ก็ได้พัฒนา Edge Computing บนเครือข่าย 5G เพื่อให้พร้อมใช้งานกับลูกค้าที่ต้องการใช้ AI ในการผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบัน AIS 5G ได้เปิดให้บริการในทุกจังหวัด พร้อมรองรับการพัฒนาโซลูชันได้ทันที
นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่มีการสร้างระบบประมวลผลเพื่อรองรับการทำงานของ AI ด้วยการสร้างระบบ Multi-access Edge Computing (MEC) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลขนาดเล็กที่พร้อมติดตั้งแบบกระจายตัวในพื้นที่ของเครือข่าย 5G เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ ติดตั้งระบบประมวลผล AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ลดการจัดหาฮาร์ดแวร์ เพิ่มความสามารถของระบบประมวลผลด้วยการกระจายการประมวลผลแบบ Edge Computing ไปในส่วนที่ใกล้พื้นที่ที่ทำงานมากที่สุด ทำให้การสร้างสรรค์โซลูชันบนเทคโนโลยี AI เกิดขึ้นได้จริงและรวดเร็ว โดยลูกค้าสามารถเลือกพื้นที่ในการติดตั้ง Edge Computing ให้สอดคล้องกับการทำงานจริงและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ
นอกจากระบบ MEC ที่ AIS ได้เตรียมไว้แล้ว ยังมีระบบอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ระบบ AI ทำงานได้ดีขึ้น เช่น Local Cloud ในมาตรฐานระดับสากล หรือการเชื่อมต่อกับ Public Cloud พร้อมเครื่องมือในการวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้ลูกค้าได้เพิ่มประสิทธิภาพของโซลูชันขึ้นไปอีกระดับ

ด้วยความชำนาญทางเทคโนโลยีของ Gorilla ที่ได้มีการพัฒนา AI Vision และความพร้อมของเครือข่ายนั้น AIS จึงได้มีการออกนวัตกรรมตัวใหม่ เรียกว่า Edge Appliance ที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ AI Vision ในการนำไปประยุกต์ในกลุ่มลูกค้าผู้ค้าปลีกและกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ โดยอุปกรณ์นี้มาพร้อม AI Vision ในโหมดธุรกิจที่สามารถตรวจสอบใบหน้า แยกแยะสมาชิก วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ประมวลผลจำนวนของลูกค้าที่ใช้บริการ รวมไปถึงวิเคราะห์ช่วงอายุและเพศของผู้ใช้บริการ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ทางการตลาด หรือปรับเปลี่ยนเป็นโหมดรักษาความปลอดภัยด้วยการกำหนดการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่กำหนดหรือพื้นที่ที่นอกเหนือจากเวลาทำงาน และการกำหนดพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่เฉพาะพนักงานเท่านั้นหรือพื้นที่ต้องห้าม
ชุด AI Vision Appliance สามารถทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิดเดิมของลูกค้าได้เลย โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เดิม เพียงลูกค้าตรวจสอบคุณสมบัติของกล้องว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ กรณีที่ลูกค้าต้องการ AI Vision ขนาดใหญ่ที่นำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม อาทิ การดูแลสุขภาพ สมาร์ตซิตี้ การจัดการระบบจราจรขนาดใหญ่ ลูกค้าก็สามารถเลือกใช้ MEC บนระบบ 5G ในการสนับสนุนการทำงานได้เช่นกัน