ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิดในปีที่ผ่านมา ธุรกิจองค์กรไทยต่างต้องปรับตัวไปทำงานแบบ Remote Working หรือ Work from Home กันเป็นจำนวนมาก ทำให้การใช้งานโซลูชันระบบบริหารจัดการธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ บน Cloud นั้นได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหัวใจสำคัญหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจยังคงขับเคลื่อนต่อไปได้ท่ามกลางสภาวะที่ไม่แน่นอนดังเช่นในปัจจุบัน
TechTalkThai จึงได้ร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าเพื่อจัดงาน AWS Solution Symposium #2: Cloud & AI for Business & IT Management เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยได้ทำความรู้จักกับโซลูชันสำหรับการบริหารจัดการธุรกิจที่ครอบคลุมทุกแง่มุมจากผู้พัฒนาโซลูชันชั้นนำในเมืองไทย ตั้งแต่การบริหารจัดการทั้งการขาย การตลาด การจัดการสินทรัพย์ของธุรกิจ การจัดการทรัพยากรบุคคล การจัดการระบบ IT และการจัดการข้อมูลให้ตอบโจทย์ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จากเหล่าผู้พัฒนาเทคโนโลยีในไทย ที่พร้อมนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจองค์กรไทยได้ทันที
การเปลี่ยนบทบาทพนักงานในองค์กรให้เป็นนักขายโดยใช้แพลตฟอร์ม AMPOS
บริษัท แอมพอส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด
(Ampos Solutions (Thailand) Co., Ltd.)
Solution: AMPOS Culture Change Platform
About AMPOS
AMPOS เป็นผู้ให้บริการด้าน Engaging, Scalable, Sustainable People และ Organizational Culture Development Solution มุ่งส่งเสริมและขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจขององค์กรผ่านโมดูลการทำงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของบุคลากรภายในองค์กร และทำให้พนักงานทุกคนสามารถรับบทบาทเป็นนักขายได้ด้วยการใช้ AMPOS Culture Change Platform
AMPOS x AWS
AMPOS Culture Change Platform เป็นแพลตฟอร์ม Total Employee Experience ตั้งแต่ก้าวแรกที่พนักงานเข้ามาร่วมงานกับองค์กร สามารถช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จผ่านการเรียนรู้ของพนักงาน การสื่อสารภายในองค์กร และการสร้างความผูกพันภายในองค์กร แม้ต้องเผชิญกับวิกฤติอย่าง COVID-19 ก็ตาม
- Before Start & Onboarding: ตั้งแต่พนักงานเซ็นสัญญาก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันติดตั้งบนอุปกรณ์ของตนได้ทันที และสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทผ่าน Onboarding Journey ได้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปเริ่มงานวันแรก เมื่อเริ่มทำงาน หัวหน้างานก็สามารถติดตามผลได้ ซึ่งช่วยลดเวลาและต้นทุนจากการทำ Onboarding ของพนักงานใหม่ได้ถึง 45%
- Communication: ระหว่างการทำงาน พนักงานสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านช่องทาง Communication โดยหัวหน้างานและฝ่ายจัดการสามารถทราบผลการประกาศได้ทันที ว่ามีพนักงานคนไหนได้รับสารนั้นแล้วบ้าง และสามารถสร้างประกาศได้หลายห้อง ตอบโจทย์ในการกรองข่าวสารที่ถูกต้อง ป้องกันการรับข้อมูลที่มากเกินของพนักงาน
- Develop: เป็น Learning Management System เพื่อลดต้นทุน Onboarding พนักงานใหม่ และการพัฒนาทักษะให้กับพนักงาน บวกกับการติดตามการเรียนและการสอบทั้ง Online และ Offline Training ในแพลตฟอร์มเดียว
- Recognition: สร้างความสนุกและความผูกพันในองค์กรได้ทันทีในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม สามารถนำ Feedback มาเป็นแนวทางในการพัฒนา ผู้จัดการที่มีลูกน้องอยู่ในความดูแลก็สามารถดูรายงานพฤติกรรมของพนักงานจากการจัดกลุ่ม Core Value ผ่านการรับและส่งดาวของเพื่อนร่วมงาน แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาแนะนำ พัฒนา ให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร
จากตัวอย่างการใช้งานจริงของลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ประกอบธุรกิจค้าปลีกในสนามบิน ซึ่งได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยตรงจากการจำหน่ายหน้าร้านเป็นหลัก เมื่อใช้แพลตฟอร์ม AMPOS ในการให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการขายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการขายสำหรับพนักงานที่ไม่มีประสบการณ์การขายออนไลน์มาก่อนกับการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานผ่าน Employee Sentiment บริษัทก็สามารถเปลี่ยนพนักงานหน้าร้านและพนักงานออฟฟิศให้มาขายออนไลน์ได้อย่างประสบความสำเร็จ และยังรักษาพนักงานทั้งหมดไว้ได้ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติ และได้เห็นศักยภาพนอกเหนือจากทักษะเดิมของพนักงาน
เปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้า พร้อมพลิกโฉมการปฎิบัติงานด้วย AI
บริษัท บิซกิต ดาต้า แอนด์ รีเสิร์ช โซลูชั่น จำกัด
(Bizcuit Data and Research Solution Co., Ltd.)
Solution: Bizcuit Vision Analytics
About Bizcuit
บริษัท Bizcuit เป็นบริษัทของคนไทยที่มุ่งเน้นพัฒนา AI เพื่อใช้ในภาคธุรกิจสำหรับพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าและการดำเนินกิจการอย่างราบรื่น ซึ่งเทคโนโลยี AI ที่บริษัทพัฒนาคือ Computer Vision สำหรับการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยผลิตภัณฑ์ Bizcuit Vision Analytics และ Natural Language Processing สำหรับการวิเคราะห์ภาษาเพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ FullloopCX
Bizcuit x AWS
Bizcuit Vision Analytics เป็นบริการเช่าใช้ระบบ Real Time Computer Vision สำหรับวิเคราะห์ภาพแบบครบวงจร พร้อมติดตั้งใช้งานได้ง่าย และเลือกใช้งานได้หลากหลายรูปแบบด้วยราคาที่เข้าถึงได้ตามจำนวนการใช้งาน พร้อมระบบแจ้งเตือนและส่งข้อมูลแบบ Real-time โดยข้อมูลวิเคราะห์สามารถนำมาแสดงผลได้ทั้ง Dashboard แบบ Real-time และออกรายงานสรุปข้อมูลได้
ตัวอย่างการใช้งาน ได้แก่ การนับจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน การจัดการลำดับคิว การดูแลด้านความปลอดภัย การจัดการด้านการจราจร
FullloopCX เป็นแพลตฟอร์ม Customer Experience Management ที่ใช้เทคโนโลยี AI สำหรับการวิเคราะห์ภาษาในการบริหารประสบการณ์ลูกค้า ฉีกรูปแบบการเก็บความคิดเห็นแบบเก่าที่ให้ลูกค้าประเมินเป็นคะแนน มาสู่การเก็บข้อมูลความคิดเห็นแบบบรรยายข้อความของลูกค้า โดยให้ AI นำความคิดเห็นเหล่านั้นมาวิเคราะห์ จัดระเบียบ แยกประเภทความคิดเห็นของลูกค้า เพื่อให้เจ้าของธุรกิจเข้าใจปัญหา จัดการตอบสนองต่อผลลัพธ์ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที และป้องกันการเสียลูกค้าในอนาคต
ด้วยเทคโนโลยี NLP-based Attention Based Prediction ที่ใช้บน FullloopCX ทำให้ AI สามารถเข้าใจเจตนาจากข้อความผลตอบรับของลูกค้าว่า เป็นผลตอบรับเชิงบวกหรือลบ และสามารถเข้าใจภาษาได้มากกว่า 700 บริบทการใช้งานใน 7 กลุ่มธุรกิจ อาทิ ร้านอาหาร ธุรกิจธนาคารและประกันภัย ร้านค้าปลีก ธุรกิจยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ E-Commerce การวัดความพึงพอใจของพนักงาน เป็นต้น
ลดเวลาสูญเปล่า เพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ด้วยเทคโนโลยี AI ในระบบงานซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ของ ServiceMind ตอบโจทย์ทุกธุรกิจทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์
บริษัท ไทย อินฟอร์เมติก ซิสเต็มส์ จำกัด (Thai Informatic System Co., Ltd.)
Solution: Solutions Service Mind
About TIS
จากประสบการณ์มากกว่า 30 ปี TIS เป็นผู้นำธุรกิจด้านการพัฒนาระบบแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ ที่เล็งเห็นว่า ในตลาดทั่วไป ระบบ CMMS ส่วนใหญ่มีเพียงแค่ระบบงานแจ้งซ่อมหรือระบบงานซ่อมบำรุงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงได้พัฒนา ServiceMind นวัตกรรมในการบริหารโรงงานอุตสาหกรรม หรือการบริหารงานอาคาร ครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ให้สามารถปรับใช้ได้กับทุกธุรกิจในทุกฝ่ายและทุกองค์กร
TIS x AWS
ในยุคที่ทุกกิจกรรมขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนั้น ServiceMind สามารถช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจวางแผนงานซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้การบริหารเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และจัดสรรงบได้อย่างเป็นระบบ
ServiceMind มีฟังก์ชันการใช้งานครอบคลุมรอบด้าน ตั้งแต่การบริหารจัดการงานแจ้งซ่อม ระบบซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน รวมไปถึงระบบซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) ซึ่งเป็นการวางแผนงานในเชิงรุกเพื่อบำรุงรักษาเครื่องจักรหรือสินทรัพย์ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย
ระบบซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ใน ServiceMind มีการประยุกต์ใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี IoT ในการจับสัญญาณจากเครื่องจักร เก็บข้อมูลบนคลาวด์ และดึงนำมาประมวลผล สร้างโมเดลด้วย AI และ Machine Learning ทำให้เห็นข้อมูลคาดการณ์ว่า เครื่องจักรจะมีอายุการใช้งานได้ถึงเมื่อไร จากนั้น ระบบจะส่งข้อมูลนี้ไปยังเจ้าหน้าที่แบบ Real-time เพื่อประกอบการตัดสินใจงานซ่อมบำรุงในขั้นต่อไป
นอกจากนี้ ระบบ CMMS ของ ServiceMind ยังสามารถนำไปใช้งานเพื่อการบริหารอสังหาริมทรัพย์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาให้นิติบุคคลทำงานได้อย่างรวดเร็ว สื่อสารกับลูกบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อำนวยความสะดวกให้กับทั้งฝั่งผู้เช่าและนิติบุคคล เช่น
- ระบบจัดการพัสดุ: นิติบุคคลสามารถจัดการบันทึกข้อมูลพัสดุเข้าสู่ระบบ ป้องกันการตกหล่นของพัสดุ และแจ้งเตือนผ่าน QR Code ไปยังเจ้าของพัสดุ เมื่อเจ้าของมารับพัสดุก็สามารถสแกน QR Code แทนการเซ็นรับ ลดการติดต่อสัมผัสและลดขั้นตอนงานเอกสารที่วุ่นวายได้เป็นอย่างดี
- ระบบจองสิ่งอำนวยความสะดวก: นิติบุคคลสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าใช้งานและความจุของพื้นที่ส่วนกลาง ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ ลดความแออัดของการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ส่วนผู้เช่าสามารถเลือกวันและเวลาผ่านแอปเพื่อจองการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้
- ระบบจัดการผู้มาติดต่อ: ผู้เช่าสามารถลงทะเบียนชื่อแขกผู้มาติดต่อได้ล่วงหน้า และยืนยันตัวตนด้วย QR Code เก็บข้อมูลบัตรประชาชนบนคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง ลดขั้นตอนการแลกบัตรเข้าอาคารแบบดั้งเดิม เพิ่มความปลอดภัยให้กับพื้นที่อาคาร
- ระบบชำระเงิน: ผู้เช่าสามารถชำระค่าส่วนกลางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผ่านแอปได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สามารถเลือกช่องทางการชำระในรูปแบบ QR Code, PromptPay หรือ Mobile Banking ซึ่งช่วยลดปัญหาใบเสร็จหายสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของผู้พักอาศัย ฝ่ายนิติบุคคลก็สามารถติดตามและตรวจสอบสถานะการชำระเงินของลูกบ้านได้ด้วย
จุดเด่นของ ServiceMind ที่สร้างความแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ คือ การเป็นผู้ให้บริการ Software-as-a-Service (SaaS) ในราคาย่อมเยา รวมถึงเทคโนโลยี Progressive Web Application (PWA) ที่ผู้ใช้งานไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันติดตั้งบนเครื่อง เพียงมีแค่อินเทอร์เน็ตก็พร้อมใช้งานระบบบนทุกอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย
เพิ่มประสิทธิภาพ ในการบริหารจัดการงานกับคน พร้อมติดตามสถานะการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ด้วย WorkD
บริษัท เค.จี. เทคโนโลยีส์ จำกัด (K.G. Technologies Co., Ltd.)
Solution: WorkD (Workforce Management)
About KG Tech
บริษัท K.G. Technologies หรือ KG Tech มีจุดเริ่มต้นมาจากบริษัท K.G. Corp ที่มีธุรกิจหลากหลาย แต่ด้วยรูปแบบและขั้นตอนการดำเนินงานที่ซับซ้อน ข้อมูลการบริหารจัดการที่กระจัดกระจายในหลาย ๆ บริษัท จึงได้จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเป็น Tech Startup ที่ลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยบริหารจัดการผ่านแพลตฟอร์มเดียว (Single Platform)
เมื่อบริษัทได้ลงไปสำรวจหน้างาน ศึกษาการดำเนินงานของแต่ละธุรกิจ ก็พบปัญหาการทำงานภายในองค์กรที่มีซอฟต์แวร์มากกว่า 1 ระบบ จึงได้คิดค้นพัฒนาแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า WordD Platform ขึ้นมาเพื่อช่วยในการบริหารจัดการงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
KG Tech x AWS
WorkD (Workforce Management Platform) ใช้งานอยู่บนแพลตฟอร์มกลางของ AWS ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ เซิร์ฟเวอร์ และอินเทอร์เน็ต โดยแพลตฟอร์ม WorkD มีคุณสมบัติการทำงานครอบคลุมส่วนต่าง ๆ ดังนี้
- HR: Time Attendance ลงเวลาเข้าออกงานผ่านแพลตฟอร์มได้โดยไม่ต้องกลับเข้ามาที่บริษัท
- CRM: Customer and Services ข้อมูลลูกค้าและการใช้บริการ โดยรวบรวมข้อมูลลูกค้าและให้แต่ละธุรกิจเข้าถึงข้อมูลส่วนนี้ได้
- Inventory Management: Inventory and Borrow บริหารสินค้าและการยืมคืน เพื่อให้ตรวจสอบสินค้าคงคลัง ทำเรื่องเบิก ยืม คืน อุปกรณ์ของพนักงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
- Sales Order บันทึกข้อมูลการขาย ช่วยให้พนักงานขายบันทึกการขายได้สะดวกขึ้น มีการบันทึกประวัติการใช้บริการหรือการสั่งซื้อของลูกค้า ทำให้เข้าใจลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
- Workforce Management บริหารจัดการงาน ซึ่งช่วยวางแผนการดำเนินงานและจ่ายงานให้กับพนักงานที่มีความเหมาะสมตามทักษะและความรับผิดชอบ รวมถึงติดตามผลการดำเนินงานของพนักงาน
WorkD มีส่วนสำคัญที่จะช่วยทุกกลุ่มธุรกิจในการบริหารจัดการกับพนักงานที่ทำงานนอกสถานที่ได้อย่างราบรื่น โดยสามารถวางแผนทรัพยากร วางแผนงานและจ่ายงานให้กับพนักงานตามทักษะที่เหมาะสม รวมถึงการติดตามผลการทำงานของพนักงาน นอกจากนี้ WorkD ยังช่วยในการลดขั้นตอนการทำงานให้มีความซ้ำซ้อนน้อยลงโดยทำให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในธุรกิจ ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย
“HR Digital Transformation” ก้าวแรกสู่ความสำเร็จในยุค Next Normal
บริษัท พีเพิล พลัส ซอฟต์แวร์ จำกัด (People Plus Software Co., Ltd.)
Solution: Peopleplus HCM V 11
About Peopleplus
Peopleplus คือ ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์สำหรับงาน HR ครบวงจรรายแรกของประเทศไทยตั้งแต่ปี 1988 เป็นผู้ให้บริการลูกค้ามากกว่า 100 รายในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทมองว่า ความสำเร็จของลูกค้า คือ ความสำเร็จของ People Plus
Peopleplus เล็งเห็นว่า HR มีบทบาทที่สำคัญมากต่อความสำเร็จขององค์กร เพราะถือเป็นด่านแรกที่ช่วยสร้างประสบการณ์ทำงานที่ดีให้กับพนักงานทุกคน และเป็นการสร้างความรู้สึกผูกพันที่มีต่อองค์กร อีกทั้งยังมองว่า บริษัทจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันยุคทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไปด้วย ดังนั้น HR Digital Transformation จึงมีส่วนสำคัญที่สร้างประสบการณ์ที่ดีแก่พนักงานให้รู้สึกผูกพันกับองค์กรเพื่อผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Peopleplus x AWS
Peopleplus เป็นซอฟท์แวร์บริหารงานบุคคลที่รองรับการทำงานทั้งแบบ PC และ Mobile โดยได้รับการออกแบบให้รองรับความต้องการในการทำงานบุคลากรแบบครบวงจร ทั้ง HRM และ HRD ที่รองรับกฎระเบียบบริษัทที่มีความซับซ้อนได้หลายรูปแบบ ให้บริการทั้งในรูปแบบการติดตั้งเฉพาะองค์กรหรือเป็นแบบ Software as a Service และมีบริการ HCM Outsourcing เพื่อช่วยรับจัดทำ Payroll และการบริหารจัดการบุคลากรให้กับองค์กรอีกด้วย
Peopleplus มีฟังก์ชันการทำงานพื้นฐานครบถ้วนที่ช่วยงานของ HR ได้อย่าง 360 องศา ตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างองค์กร การวางแผนกำลังคน การบริหารและจัดการข้อมูลพนักงานในด้านต่าง ๆ การรับสมัครและว่าจ้าง การติดตามเวลาการทำงาน การจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการ การประเมินผลการทำงาน รวมถึงการอบรมและการพัฒนาความสามารถของพนักงาน
Peopleplus เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน HR แบบเดิม ๆ ที่ซับซ้อนและวุ่นวายจากงานเอกสาร ให้กลายมาเป็นระบบในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ใช้งานได้ง่ายบนแพลตฟอร์มคลาวด์ของ AWS ลดขั้นตอนการเดินเรื่องเอกสารผ่านเจ้าหน้าที่ HR ให้พนักงานดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ได้ผ่านมือถือ แล้วส่งตรงไปยังหัวหน้างานได้ทันที เจ้าหน้าที่ HR ก็สามารถเปลี่ยนบทบาทจากธุรการไปดำเนินการพัฒนาบุคลากรในเชิงกลยุทธ์ได้
แพลตฟอร์มของ Peopleplus ช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนข้อมูลพนักงานให้กลายเป็น Employee Insight ให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจในการบริหารได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและมีความสุขในการทำงาน เติบโตและพัฒนาในอาชีพของตัวเองได้อย่างเหมาะสม และสร้างความรู้สึกผูกพันต่อองค์กร
Leverage quality and standardize your IT services with NSDX SaaS, the certified ITIL 4 toolset
บริษัท เน็ตก้า ซิสเต็ม จำกัด (Netka System Co., Ltd.)
Solution: NetkaQuartz Service Desk X (NSDX), IT Service desk tool to help you deliver the better IT supports
About Netka System
Netka System เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันการจัดการ IT Operation ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของ IT (IT Infrastructure Management: ITIM) หรือระบบจัดการบริการ IT (IT Service Management: ITSM) ที่จะสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ซึ่งผลิตภัณฑ์ NetkaQuartz Service Desk X (NSDX) ของ Netka System นั้นถือว่าเป็นที่ยอมรับกันในระดับสากลแล้ว โดยได้ผ่านมาตรฐานระดับสากล IT Infrastructure Library 4 (ITIL 4) ซึ่งเป็น Best Practice ที่ได้รับการยอมรับในวงการ IT Service ทั่วโลก
Netka System x AWS
Netka System ได้มีผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานในบริการ IT ที่มีชื่อว่า NetkaQuartz Service Desk X (NSDX) ซึ่งปัจจุบัน NSDX นี้ให้บริการแบบ Software-as-a-Service (SaaS) ที่รันอยู่บน AWS เป็นที่เรียบร้อย โดย NSDX ยังเป็นเครื่องมือที่ได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ITIL 4 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เพิ่งออกมาเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาอีกด้วย
ในส่วนของ AIOps นั้นประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ AI และ IP Operations ซึ่งประกอบไปด้วยเทคโนโลยีมากมายในแต่ละส่วนที่จะต้องมาผสมผสานกันจึงจะเกิด AIOps ขึ้นได้
นอกจากนี้ ตามภาพด้านล่างจาก Gartner ก็ยังแสดงให้เห็นว่า AIOps นั้นประกอบด้วย Machine Learning และ Big Data ซึ่งจะต้องมี 3 องค์ประกอบ ได้แก่
- Observe (Monitoring) คือ การติดตามข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ในอดีต หรือประสิทธิภาพต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย
- Engage (ITSM) คือ การให้บริการจัดการปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
- Act (Automation) คือ การดำเนินการหลังจากได้รับปัญหาหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
สำหรับ Practices ของ NSDX สามารถรองรับการใช้งานต่าง ๆ ได้ดังต่อนี้
- Service Desk ที่จะสนับสนุนการให้บริการผลิตภัณฑ์ของลูกค้าได้
- Incident Management ที่ทำให้สามารถจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และติดตามการแก้ไขเหตุขัดข้องในด้าน IT ได้ดีขึ้น
- Problem Management ที่จะบริหารจัดการกับปัญหา เพื่อช่วยค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ทำให้สามารถแก้ไขที่ต้นเหตุได้
- Service Level Management สามารถกำหนดมาตรฐานการให้บริการได้หลายระดับ
- Knowledge Management การจัดการองค์ความรู้ภายใน ที่จะช่วยให้แก้ไขปัญหา Incident ได้รวดเร็วขึ้น
- IT Asset Management สามารถบันทึกข้อมูลทรัพย์สินต่าง ๆ เข้าไปในระบบได้ ซึ่งสามารถเพิ่ม Properties ได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ ยังสามารถผูกข้อมูล Asset กับ Incident ที่เกิดขึ้นได้ด้วย
- Service Request Management คือ การจัดการสิ่งที่ลูกค้าร้องขอเพิ่มเติมเข้ามาได้อย่างสะดวก
- Change Enablement เป็นการจัดการการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ด้วยการใช้งานแบบ SaaS ที่ได้อยู่บน AWS Cloud Service Provider จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ระบบจะมีความเสถียร สะดวกในการใช้งาน ซึ่งระบบสามารถ Provisioning ขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถใช้งานได้ทันที อีกทั้งยังสามารถชำระเงินได้ล่วงหน้าด้วยบัตรเครดิต
นอกจากนี้ ตัวระบบเองยังมี High Availability (HA) ที่ดีมาก พร้อมกับการผสมผสานการทำงานในลักษณะแบบ Containerization ที่จะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นกว่าเดิม และเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นมาก็จะมี Resource ที่ใช้ทดแทนกันได้ ทั้งนี้่ ผู้ใช้ยังสามารถกำหนด Domain ของตัวเองได้เลยทันทึ ทั้งหมดนี้จึงทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงมากนัก ด้วยบริการที่เป็นแบบ Subscription จึงทำให้ราคาไม่สูงมาก แถมยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาให้ใช้งานได้ฟรีตลอด รวมทั้งยังผ่านมาตรฐานจาก PinkVERIFY อีกด้วย
Thai Digital Laws in 2021
บริษัท แร็กน่าร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Ragnar Corporation)
Solution: PDPA Ecosystem
About Ragnar
Ragnar คือ บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการและหาโซลูชันในเรื่องของ Cybersecurity ให้แก่ลูกค้าองค์กรมาแล้วกว่า 15 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายคือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจแบบเก่าด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมกับสร้างการป้องกันทางไซเบอร์ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ด้วยความเชื่อที่ว่า ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ก็สำคัญไม่แพ้ความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
Ragnar x AWS
เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนั้นได้กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงขึ้นมาในช่วงปีที่ผ่านมานี้ และ PDPA คือ กฎหมายที่ออกแบบมาเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูล ว่าจะสามารถควบคุมให้องค์กรนำเอาข้อมูลไปใช้ได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งผู้เป็นเจ้าของข้อมูลสามารถควบคุมได้ตลอดว่าจะอนุญาตใช้งานข้อมูลหรือไม่ อย่างไร
ด้วยข้อกฎหมายต่าง ๆ ของ PDPA จึงทำให้ Ragnar Corporation พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ตามข้อกฎหมายด้านความปลอดภัย PDPA ได้ในทุกมุม ซึ่งภายในแพลตฟอร์มของ Ragnar นั้นครอบคลุมทั้งการจัดทำ Record of Processing, Cookie Consent, Consent Management and Data Subject Request ภายในแพลตฟอร์มเดียว
สำหรับภาพรวมของกฎหมายของ PDPA มีดังนี้
- ส่วนควบคุม (Data Controller) หรือองค์กรที่จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ต้องมีการประกาศนโยบายความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือนโยบายความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของข้อมูล (Data Subject) รับทราบ เช่น จะนำข้อมูลส่วนบุคคลไปจัดเก็บนานแค่ไหน ใช้ทำอะไรบ้าง และมีการประกาศนโยบายภายใน ว่าจะต้องจัดเก็บอย่างไรให้ปลอดภัย ทำลายอย่างไรให้ปลอดภัย
- สำหรับข้อมูลที่จำเป็นจะต้องใช้งานจริง ๆ อย่างเช่นข้อมูลที่อยู่สำหรับการจัดส่งสินค้านั้น ส่วนควบคุมหรือองค์กรไม่จำเป็นจะต้องขออนุญาต (Consent) จากทางเจ้าของข้อมูล แต่องค์กรจะต้องมีการทำ Record of Processing ที่เก็บข้อมูลว่าจะนำข้อมูลไปใช้ทำอะไรบ้าง หรือพนักงานแผนกใดบ้างที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
- แต่ถ้าหากองค์กรต้องการจะนำข้อมูลไปทำบางอย่างที่ไม่จำเป็น อย่างเช่นการใช้วิเคราะห์เพื่อทำการตลาด หรือ SMS Marketing Campaign องค์กรจะต้องมีการขอ Consent จากลูกค้าก่อนเสมอ จึงจะสามารถใช้งานข้อมูลได้ตามที่ต้องการ รวมทั้งองค์กรจะต้องมีเครื่องมือ Consent Management และช่องทาง Data Subject Rights สำหรับให้บริการกับผู้เป็นเจ้าของข้อมูลที่จะสามารถขอถอน Consent ได้ด้วย
- หากองค์กรมีการใช้ Outsource เพื่อช่วยประมวลผลข้อมูล (Data Processor) เช่น ให้ช่วยดำเนินการส่ง SMS ให้ เป็นต้น ทางองค์กรจะต้องมีการทำ Processing Agreement ร่วมกันในการใช้งานข้อมูลว่าจะส่งข้อมูลอะไรให้บ้าง สามารถใช้งานอะไรได้บ้าง และหลังจากใช้งานเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการทำลายข้อมูล ห้ามจัดเก็บไว้เอง เป็นต้น
- และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล องค์กรจะต้องแจ้งให้กับคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งก็จะมีคำแนะนำให้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
ภายในแพลตฟอร์มของ Ragnar จะเป็นภาพรวมผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ของ PDPA ได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Process, People และ Technology
- Process
Ragnar มีผลิตภัณฑ์ชื่อว่า t-reg (Thailand Regulatory Platform) เป็นส่วนการใช้ตอบสนองในการทำ Record of Processing โดยอ้างอิงตามมาตรา 39 ที่ผู้ควบคุมจะต้องมีการจัดเก็บข้อมูลในองค์กรอย่างไรบ้าง ซึ่ง Ragnar ได้มีการพัฒนา t-reg ให้เป็นแบบ SaaS ที่จะสามารถใช้งานได้แบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งองค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลได้ภายในระบบเดียว รวมทั้งสามารถวาดแผนผังเชื่อมโยงออกมาเป็น Dashboard ให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น
สิ่งที่ได้ออกมาจากระบบ t-reg นั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลแผนภาพต่างๆ รวมถึงสามารถ explore ข้อมูลได้ แล้วประมวลผลออกมาเป็นเอกสาร ว่าจะแจ้งเตือนหรือต้องออกนโยบายต่าง ๆ รวมทั้งจะมีคำแนะนำว่าควรต้องทำ Consent กี่ฉบับ ต้องมี Controller/Processor อะไรบ้างที่จะต้องทำ Agreement ร่วมกัน และ Asset อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนบุคคล เป็นต้น
นอกจากนี้ t-reg ยังมี Toolkit ให้บริการที่สามารถจัดการ Consent และ Cookies โดยผู้ใช้ยังสามารถเปิด Web Form เพื่อสร้างฟอร์มให้ผู้ใช้งานระบบนำเอาลิงก์หรือ iFrame ไปแทรกบนเว็บไซต์ของผู้ใช้งานระบบได้เอง ซึ่ง t-reg มีตัวอย่างเทมเพลตเอกสารไว้ให้ และมีการประเมินผลภายใน (Self Assessment) อีกด้วยว่าตอนนี้เป็นไปตามกฎหมายแล้วกี่เปอร์เซ็นต์
- People
Ragnar มีแพลตฟอร์ม P-CAP ที่มีระบบ e-Learning และ Phishing อยู่ภายใน ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ และหลังจากเรียนเสร็จแล้ว ระบบจะสามารถรายงานวัดผลได้ด้วยว่าเป็นอย่างไร และมีการวัดผลโดยระบบ Phishing ด้วยวิธีการส่งอีเมลไปล่อลวงว่าผู้ที่เรียนเสร็จแล้วจะยังคงถูกหลอกอีกหรือไม่ ซึ่งภายในแพลตฟอร์มจะสามารถออกรายงานเป็นแผนภาพต่าง ๆ ได้อย่างสวยงาม
- Technology
Ragnar มีระบบ iLog ที่ช่วยจัดเก็บ Log ส่วนบุคคลมาแสดงผลเป็น Dashboard ได้บนแพลตฟอร์ม